MTC พร้อมเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ จำนวน 3 ชุด อัตราดอกเบี้ย 4.30% - 4.95% ต่อปี

MTC พร้อมเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ จำนวน 3 ชุด อัตราดอกเบี้ย 4.30% - 4.95% ต่อปี

MTC พร้อมเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ จำนวน 3 ชุด อัตราดอกเบี้ย 4.30% - 4.95% ต่อปี ระหว่างวันที่ 16 และ 19 - 20 สิงหาคม 2567 ผ่านทาง 14 สถาบันการเงินชั้นนำ

บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC เตรียมออกและเสนอ ขายหุ้นกู้ ชุดใหม่ จำนวน 3 ชุด ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป ประกอบด้วย หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 2 ปี 4 วัน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.30% ต่อปี หุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 3 ปี 3 วัน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.80% ต่อปี และหุ้นกู้ชุดที่ 3 อายุ 4 ปี 8 วัน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.95% ต่อปี คาดว่าจะเสนอขายระหว่างวันที่ 16 และ 19 - 20 สิงหาคม 2567 นี้ อันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทฯ และหุ้นกู้อยู่ที่ "BBB+" แนวโน้มอันดับเครดิต "คงที่" โดยทริสเรทติ้ง

ปริทัศน์ เพชรอำไพ รองกรรมการผู้จัดการ เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ยื่นแบบแสดงรายงานข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้และร่างหนังสือชี้ชวนต่อ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อออกและเสนอขายหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ เสนอขายต่อผู้ลงทุนทั่วไป โดยหุ้นกู้ที่ออกและเสนอขายในครั้งนี้ ประกอบด้วย

  1. หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 2 ปี 4 วัน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.30% ต่อปี
  2. หุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 3 ปี 3 วัน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.80% ต่อปี
  3. หุ้นกู้ชุดที่ 3 อายุ 4 ปี 8 วัน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.95% ต่อปี

หุ้นกู้ทั้ง 3 ชุด จ่ายดอกเบี้ยทุกๆ 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้ โดยจะเสนอขายระหว่างวันที่ 16 และ 19 - 20 สิงหาคม 2567 อันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทฯ และหุ้นกู้อยู่ในระดับ Investment Grade ที่ "BBB+" แนวโน้มอันดับเครดิต "คงที่" โดยทริสเรทติ้ง เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2567 สำหรับวัตถุประสงค์ในการออกหุ้นกู้ครั้งนี้ บริษัทฯ จะนำเงินที่ได้ไปขยายพอร์ตสินเชื่อของบริษัทฯ ที่ยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าสินเชื่อปีนี้โต 15-20% พร้อมคุม NPL ให้ไม่เกิน 3.2% และเชื่อมั่นว่าจะสามารถทำได้ตามแผนที่วางไว้

MTC พร้อมเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ จำนวน 3 ชุด อัตราดอกเบี้ย 4.30% - 4.95% ต่อปี

"ตลอดระยะเวลาการดำเนินงานของบริษัทฯ กว่า 30 ปี ที่บริษัทฯ ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างโอกาสทางการเงินอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม พัฒนาความเป็นอยู่ที่ดี ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างสังคมให้เป็นสุข รวมถึงสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจให้เกิดความมั่นคงและยั่งยืน ตามเป้าหมายของสหประชาชาติ (SDGs) ได้อย่างต่อเนื่อง และบริษัทฯ ยังมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจอย่างมีธรรมาภิบาล คำนึงถึงผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม จนได้รับการรับรองผลการประเมิน ESG MSCI Index ในปี 2566 ที่ระดับ AA ในกลุ่มธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภค และได้รับการจัดอันดับอยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ที่ระดับ A ประจำปี 2566 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน จากการประเมินทางมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม บริษัทฯ ยังได้รับผลการประเมินการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนไทย ประจำปี 2566 จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย ในระดับดีเลิศ หรือ 5 ดาว เป็นปีที่ 6 ติดต่อกันอีกด้วย และในไตรมาสที่ 1 ปี 2567 บริษัทฯ ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจำนวน 92 เหรียญสหรัฐ จากธนาคารแห่งประเทศจีน (โดยวงเงินทั้งหมดได้ดำเนินการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเรียบร้อยแล้ว) ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯ สามารถสานต่อการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน และมุ่งสู่การเป็นผู้นำธุรกิจไมโครไฟแนนซ์ในมาตรฐานระดับโลก ตามที่บริษัทฯ ตั้งใจไว้" ปริทัศน์ กล่าว

ปริทัศน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ปี 2567 บริษัทฯ มีสินเชื่อคงค้างทั้งสิ้น 154,672 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.43% จากไตรมาส 2 ปี 2566 ที่มีสินเชื่อคงค้างทั้งสิ้น 132,851 ล้านบาท สำหรับไตรมาส 2 ปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้รวม 6,832 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,444 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวม 6,041 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,200 ล้านบาท และผลการดำเนินงานรวมของครึ่งแรกปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้รวม 13,463 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 2,834 ล้านบาท ในส่วนของจำนวนสาขาในไตรมาส 2 ปี 2567 บริษัทฯ เปิดสาขาเพิ่มขึ้นอีกจำนวน 192 สาขา ทำให้ ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2567 บริษัทฯ มีจำนวนสาขาทั้งสิ้น 7,980 สาขา ครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศ นอกจากนี้ ในไตรมาส 2 ปี 2567 บริษัทฯ ยังมีการดำรงอัตราส่วนของลูกหนี้ด้อยคุณภาพ (ค้างชำระเกิน 3 เดือน) ต่อลูกหนี้เงินให้สินเชื่อทั้งหมด (NPL Ratio) ที่ 2.88% ซึ่งปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาส 1 ปี 2567 ที่มีอัตราส่วนอยู่ที่ 3.03% ทั้งนี้ บริษัทฯ มี Credit Cost ที่ลดลงโดยมี Credit Cost ที่ระดับ 3.04% ปรับตัวลดลงจากไตรมาส 1 ปี 2567 ที่มี Credit Cost ที่ 3.12% 

สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่สนใจจองซื้อหุ้นกู้ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC สามารถจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท และสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่นี่ หรือติดต่อผ่านสถาบันการเงินซึ่งเป็นผู้จัดการการจำหน่าย หุ้นกู้ ดังนี้

  • ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (ยกเว้นสาขาไมโคร) (โดยบุคคลธรรมดาสามารถจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน Bualuang mBanking ได้อีก 1 ช่องทาง) โทร. 1333
  • ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (โดยบุคคลธรรมดาจองซื้อทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์โดย คลิกที่นี่ ยกเว้นบุคคลสัญชาติต่างด้าว และนิติบุคคล สามารถจองซื้อผ่านสำนักงานใหญ่และสาขา) โทร. 02-888-8888 กด 869 และรวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะหน่วยงานขายของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
  • ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) (โดยบุคคลธรรมดาสามารถจองซื้อทางออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน CIMB Thai) โทร. 02-626-7777
  • บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด โทร. 02-680-4004
  • บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โทร. 02-658-5050
  • บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด โทร. 02-695-5000
  • บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โทร. 02-351-1800
  • บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด โทร. 02-846-8675
  • บริษัทหลักทรัพย์ บลูเบลล์ จำกัด โทร. 02-249-2999
  • บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) โทร. 02-638-5500
  • บริษัทหลักทรัพย์ พาย จํากัด (มหาชน) โทร.02-205-7000
  • บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด โทร. 02-009-8351-59
  • บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด โทร. 02-687-7543
  • บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) โทร. 02-779-9000

หมายเหตุ : การจัดสรรขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ เงื่อนไขการจัดจำหน่ายเป็นไปตามที่กำหนดในร่างหนังสือชี้ชวน

คำเตือน : โปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลในร่างหนังสือชี้ชวนก่อนการตัดสินใจลงทุน ทั้งนี้ ผู้ลงทุนสามารถศึกษารายละเอียดได้จากแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนตามรายละเอียดด้านล่าง

MTC พร้อมเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ จำนวน 3 ชุด อัตราดอกเบี้ย 4.30% - 4.95% ต่อปี