Green Dialogue ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (4)

ข้อเท็จจริงบางอย่างเกี่ยวกับผลลัพธ์ของระบบเศรษฐกิจปัจจุบัน (Linear Economy) ⦁ ประมาณ 1 ใน 3 ของอาหารที่มนุษย์ใช้บริโภคนั้นถูกทิ้ง ทำให้เสีย และกลายเป็นขยะ ⦁ ตั้งแต่ทศวรรษ 1970 เป็นต้นมา มนุษย์บริโภคเกินกว่าความสามารถในเชิง Biocapacity

 เกิดการดึงทรัพยากรมาใช้มากเกินไป และสร้างขยะให้เกิดขึ้นในโลกอย่างมหาศาล

⦁ ในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา โลกมีการผลิตเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า แต่เราสวมใส่จริงแค่ไม่เกินครึ่งหนึ่งของเสื้อผ้าที่มี

⦁ ตั้งแต่ภาวะเศรษฐกิจขาลงในช่วงปี 2007 - 2009 ราคาวัตถุดิบกลับมีระดับสูงขึ้นเร็วกว่าการเพิ่มขึ้นของผลผลิตของโลก

⦁ มากกว่า 80% ของประชากรโลกดำรงชีวิตอยู่ในประเทศที่กำลังเกิดสถานะขาดดุลทางด้านสิ่งแวดล้อม (Ecological Deficit)

⦁ ในแต่ละปี โลกใช้ทรัพยากรวัตถุดิบจำนวนไม่ต่ำกว่า 100 พันล้านตัน ซึ่ง 60% ของปริมาณวัตถุดิบทั้งหมดนี้ก่อให้เกิดปัญหาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกหรือก่อให้เกิดปัญหาขยะ

⦁ โลกผลิตพลาสติกปีหนึ่งๆ ประมาณ 300 ล้านตัน แต่มีเพียง 12% เท่านั้นที่ถูกนำไป Reuse, Recycle

การขับเคลื่อนออกจาก Linear Economy ไปสู่ Circular Economy (CE) มีความลึกซึ้งเกินกว่าการ Recycle หรือการ Reuse วัสดุต่างๆ เท่านั้น แต่จะต้องเป็นการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมของผลิตภัณฑ์นั้นให้ครบรอบด้าน และหาทางปรับปรุงให้ดีขึ้นตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนถึงสุดท้ายในห่วงโซ่คุณค่าของผลิตภัณฑ์นั้น

ปัจจัยที่เป็นอุปสรรคในการเกิด CE ได้แก่

⦁ วัฒนธรรม (Culture) เช่น ผู้คนในสังคมขาดความตระหนัก ขาดความเต็มใจที่จะร่วมมือลงมือปฏิบัติร่วมกันในเรื่อง CE

⦁ นโยบายและกฎระเบียบ (Regulatory) ภาครัฐอาจไม่สนใจที่จะออกนโยบาย กฎหมาย กฎระเบียบที่เกี่ยวข้องมาบังคับใช้หรือสนับสนุนให้เกิด CE ขึ้น

⦁ การทำให้เกิดความแพร่หลาย (Market) คือ ขาดตัวอย่างที่เป็น Role models ในภาคธุรกิจ ทำให้มองไม่เห็น Business model ว่าการทำธุรกิจภายใต้เงื่อนไข CE โดยประสบความสำเร็จนั้นเป็นอย่างไร

⦁ เทคโนโลยี (Technology) คือ การขาดความรู้ ความชำนาญเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่ใช้ในการทำงานเกี่ยวกับ CE

การวัดผลลัพธ์ของ CE เป็นอีกประเด็นที่ถกเถียงกัน เพราะมีความคาดหวังว่า CE จะช่วยลดปัญหาต่างๆ ด้านสิ่งแวดล้อมลงได้ หากสามารถทราบผลก็สามารถกำหนดเป้าหมายในลักษณะ Ambitious goals ได้ ตัวอย่างเช่น

⦁ สหภาพยุโรปกำหนดเป้าหมาย เช่น

⦁ ประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรเพิ่มขึ้น 30% ภายในปี 2030

⦁ EU GDP เพิ่มขึ้นอีก 0.5% ภายในปี 2030

⦁ บรรจุภัณฑ์พลาสติกทั้งหมดในตลาดจะมาจากการ Recycle ภายในปี 2030

⦁ ขยะในเมือง (Municipal waste)ที่จะนำไป Landfill จะลดลง 10% ภายในปี 2035

⦁ Climate neutrality จะเกิดขึ้นภายในปี 2050

⦁ ประเทศสหรัฐอเมริกากำหนดเป้าหมายจาก CE เช่น

⦁ การสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี

⦁ สร้างงานไม่ต่ำกว่า 100,000 ตำแหน่ง

⦁ การป้องกันการเกิดหรือดูแลขยะ 100 ล้านตัน

⦁ การฟื้นฟูแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ

 

ภาพเกี่ยวกับ CE system อาจแสดงได้ตามรูปต่อไปนี้ ซึ่งจากรูปอธิบายว่า ภายใต้ระบบเศรษฐกิจแบบเดิม หรือ Linear economy การนำวัตถุดิบมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์สร้างให้เกิดทั้งขยะ และการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และบรรดาขยะเหล่านั้นเมื่อกำจัดไม่ได้หมดก็นำออกสู่พื้นที่สาธารณะ (Landfill) แต่ใน CE จะมีกลไกย้อนกลับเพื่อจะยืดเวลาการใช้งาน หรือนำกลับมาใช้ใหม่ในส่วนของวัตถุดิบ ผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ ขยะ แม้ว่าการทำเช่นนั้นจะมีบางส่วนที่ก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจก แต่เมื่อเปรียบเทียบกับกระบวนการใช้วัตถุดิบใหม่สร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ วิธีการของ CE น่าจะประหยัด เกิดประโยชน์ และลดผลกระทบมากกว่า

 

ที่มา : Circular Economy: What is it + how does it works

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์