'REact For Change ลองเปลี่ยนโลก'ชวนคนรุ่นใหม่ดูแลสิ่งแวดล้อมผ่านTikTok
‘การดูแลสิ่งแวดล้อม ลดอุณหภูมิโลก’ ไม่ใช่หน้าที่ของคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นหน้าที่ของทุกคน ยิ่งในขณะนี้ โลกกำลังเข้าสู่ภาวะโลกเดือดอย่างรุนแรง และสร้างผลกระทบต่อทุกชีวิต
Keypoint:
- ‘TikTok’ พร้อมด้วย 3 พันธมิตร กระตุ้นส่งเสริมเด็กและเยาวชนร่วมรักษ์โลก ลดโลกเดือด ผ่าน แคมเปญ ‘REact For Change ลองเปลี่ยนโลก’
- ชวนเด็กและเยาวชน คนรุ่นใหม่ ร่วมสร้างคอนเทนต์ภายใต้ 3R Challenge ประกอบด้วย Refill Recheck และ Recycle
- ตลอดเวลา 3เดือน ต.ค.-ธ.ค. ติดตามผลลัพธ์ในโรงเรียนสังกัด กทม. และโรงเรียน Eco-School กรอกข้อมูลผ่านเว็บไซต์ ECOLIFE คำนวณลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม พยายามผลักดันให้เกิดโครงการ กิจกรรมที่จะชวนให้ทุกภาคส่วน โดยเฉพาะนักเรียน นักศึกษาคนรุ่นใหม่ เข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่ง เพราะหากทุกคนไม่ช่วยโลกวันนี้ ในอนาคตใกล้ๆ เราอาจจะต้องอยู่บนโลกที่เต็มไปด้วยปัญหามากมาย
อุณหภูมิของโลกจะลดลงได้ สิ่งแวดล้อมจะดีขึ้นได้นั้น ต้องเริ่มจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้คน เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าส่วนหลักที่ทำให้เกิดปัญหาโลกเดือด คือ ‘คน’
‘TikTok’ พร้อมด้วย 3 พันธมิตร ‘กรุงเทพมหานคร (กทม.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) และบริษัท คิดคิด จำกัด’ ได้สร้างสรรค์ไอเดียดีๆ ด้วยการชักชวนให้เด็กและเยาวชนมาช่วยกันรักษ์โลก และดูแลสิ่งแวดล้อมไปด้วยกัน ด้วยวิธีง่ายๆ ผ่านแคมเปญ ‘REact For Change ลองเปลี่ยนโลก’
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
'พิพิธภัณฑ์พืชมีชีวิต' สู้โลกเดือด พื้นที่สีเขียวในเมืองสังคมคาร์บอนต่ำ
SX2023ปลุกทศวรรษแห่งการลงมือทำ สุเมธแนะเตรียมรับมือGlobal boiling
‘REact For Change ลองเปลี่ยนโลก’ ชวนสร้างคอนเทนต์ 3R Challenge
น.ส.ชนิดา คล้ายพันธ์ หัวหน้าฝ่ายนโยบายสาธารณะ TikTok ประเทศไทย ว่าTikTok ได้ขับเคลื่อนนโยบาย ESG (Environment, Social, Governance) ซึ่งเป็นแนวคิดการดำเนินธุรกิจที่มุ่งเน้นความยั่งยืน คำนึงถึง 3 ปัจจัยหลัก คือ ด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล การจัดแคมเปญ ‘REact For Change ลองเปลี่ยนโลก’ จึงเป็นหนึ่งในหลายๆ กิจกรรมทางที่ TikTok ได้จัดขึ้นในเรื่องของการดูแลปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อม ซึ่งถือเป็นปัญหาใหญ่ที่ประชากรโลกให้ความสำคัญ และสอดคล้องกับเป้าหมายของประเทศไทยในการก้าวสู่ Net Zero ในปี 2070
“หลายคนอาจมองว่าประเด็นนี้ยังเป็นเรื่องไกลตัว ทั้งที่ ตอนนี้การใช้ชีวิตของผู้คนล้วนก่อให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อม และได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ รวมถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมด้านอื่นๆ TikTok เห็นความสำคัญจึงได้มีการใช้แพลตฟอร์มปลูกฝังแนวคิดการใช้ชีวิตประจำวันที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ให้กับคุณครู และนักเรียน” น.ส.ชนิดา กล่าว
ตลอดระยะเวลา 3 เดือนตั้งแต่ต.ค.-ธ.ค.2566 นี้ ภายใต้ 3R Challenge ประกอบด้วย
- Refill ชวนพกกระบอกน้ำ กล่องข้าว เพื่อลดการใช้พลาสติกแบบครั้งเดียว
- Recheck เช็กการใช้ชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ง่ายๆ ทำได้อย่างไรบ้าง และ
- Recycle ชวนแยกขยะประเภทต่างๆ รวมทั้งเป็นการปลูกจิตสำนึกให้แก่เด็กและเยาวชนคนรุ่นใหม่ เพื่อนำเผยแพร่ขยายผลไปยังพ่อแม่ พี่น้อง คนในครอบครัวและชุมชน
ปลูกฝังDNA -ความคิดดูแลสิ่งแวดล้อม จัดการขยะแก่เด็ก
ปัญหาสิ่งแวดล้อมไม่สามารถทำเพียงลำพังได้ ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายภาคส่วน 3 พันธมิตรที่ร่วมกันดำเนินงานในแคมเปญดังกล่าว จะชวนเด็กๆ และเยาวชนมาสร้างคอนเทนต์ภายใต้เนื้อหา 3R Challenge
โดยนำร่องในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.)ที่ดูแลโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร ,กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ดูแลโครงการโรงเรียน Eco-School และบริษัท คิดคิด จำกัด เจ้าของเว็บไซต์ ECOLIFE ที่ช่วยจัดการขยะ โดย TikTok และพันธมิตรทั้ง 3 จะร่วมกันปลูกจิตสำนึก สร้างการรับรู้ และการมีส่วนร่วม ด้วยการจัดกิจกรรม การสนับสนุน และการใช้แพลตฟอร์ม TikTok เป็นช่องทางในการสื่อสาร
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่ากรุงเทพมหานครมีขยะมากกว่า 9,000 ตันต่อวัน แต่สามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ได้เพียงร้อยละ 30 ซึ่งการร่วมในแคมเปญดังกล่าว มีความสอดคล้องกับเป้าหมายของกทม.ที่จะจัดการขยะแบบมุ่งเน้นให้ขยะเหลือศูนย์ โดยการปลูกฝังค่านิยมการคัดแยกขยะอย่างเป็นระบบ และสนับสนุนให้มีการแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง รวมถึงการนำไปแปรรูปเพื่อให้ได้ใช้ประโยชน์สูงสุด
การเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น เริ่มจากเด็กดีที่สุด เพราะเด็กมีพลังในการเปลี่ยนแปลง กทม.มีโรงเรียนในสังกัด 347 แห่ง มีนักเรียนกว่า 2.5 แสนคน มีครูและบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งการจัดกิจกรรมดังกล่าว เป็นการสร้างความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับเด็ก หากเด็กได้รับการปลูกฝัง เป็นส่วนหนึ่งในการดูแลสิ่งแวดล้อม คัดแยกขยะ พวกเขาจะสามารถนำเรื่องเหล่านี้ไปจะส่งผลต่อให้กับคนในครอบครัว
"เป็นการปลูกฝังDNA ปลูกฝังความคิดในเรื่องของการดูแลสิ่งแวดล้อม จัดการขยะผ่านสื่อโซเซียลมีเดียอย่าง TikTok ที่มีความสั้น กระชับ ความสนุกสนาน เพราะการสอนจากตำราเด็กอาจจะไม่ฟัง การใช้สื่อบันเทิงที่มีความสนุกก็จะเป็นเครื่องมือที่เด็กชอบ และทำให้เกิดการเรียนรู้ เกิดผลอย่างยั่งยืน"นายชัชชาติ กล่าว
ในการดำเนินการดังกล่าว ทางกทม.จะมีการจัดเตรียมเครื่องมือ อุปกรณ์ให้แก่เด็ก ไม่ว่าจะเป็น กระบอกน้ำ กล่องข้าว หรือตู้กดน้ำ ถังขยะสำหรับแยกขยะ ไว้ให้แก่เด็ก รวมทั้งจะมีการให้ความรู้ ส่งเสริมการเก็บข้อมูลการแยกขยะผ่านเว็บไซต์ ECOLIFE เพื่อคำนวณการลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกร่วมด้วย
เรียนรู้นอกห้องเรียน ฝึกฝนการสร้างสรรค์คอนเทนต์ ผ่านช่อง TikTok
นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดทส. กล่าวว่า ตอนนี้ทุกคนต่างพูดถึงโลกเดือด แสดงให้เห็นถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมที่มีความรุนแรงมากขึ้น สำหรับโครงการ Eco-School ทส.ได้มีการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง เพราะเรามองว่าโรงเรียนเป็นสถานที่เบ้าหลอมให้เด็กๆ ซึ่งถือเป็นทรัพยากรที่มีค่าของประเทศ เป็นผู้ขับเคลื่อน และส่งต่อการดูแลแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมไปยังครอบครัว และชุมชนได้ โรงเรียน Eco-Schoo จะมุ่งเน้นการปลูกฝังพลเมืองเพื่อสิ่งแวดล้อม ให้เกิดขึ้นตั้งแต่ครู นักเรียน และบุคลากรในโรงเรียน ขยายต่อไปชุมชน
“ปัจจุบันมีโรงเรียน Eco-School 931 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งแคมเปญ ‘REact For Change ลองเปลี่ยนโลก’ จะช่วยส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนได้ตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เรียนรู้เรื่องการจัดการขยะอย่างเข้าใจ นำไปสู่การปฎิบัติ และเผยแพร่ไปยังคนในครอบครัวได้ เป็นการเรียนรู้นอกห้องเรียนที่ทำให้นักเรียนได้ประสบการณ์ใหม่ ฝึกฝนการสร้างสรรค์คอนเทนต์ ผ่านช่อง TikTok ดังนั้น เมื่อเราเปิดโอกาสให้นักเรียนได้สร้างคอนเทนต์ในสไตล์ของพวกเขา แล้วสื่อสารไปยังคนวัยเดียวกัน เชื่อว่าจะเป็นพลังที่เข้มแข็ง ทำให้คนรุ่นใหม่เข้ามาช่วยดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมได้”นายจตุพร กล่าว
หยุดคิดเพื่อให้การใช้ชีวิตเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
นายพิพัฒน์ อภิรักษ์ธนากร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คิดคิด จำกัด กล่าวว่า ขณะนี้จะเห็นเนื้อหาการดูแลสิ่งแวดล้อม คลิปต่างๆ ที่เกิดขึ้นในTikTok มากมาย เพื่อกระตุ้น และเชิญชวนให้ทุกคนเข้ามามีส่วนในการดูแลสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้น ซึ่งแคมเปญในครั้งนี้ จะเป็นเสมือนสมุดพกให้แต่ละโรงเรียน ได้รู้ว่าแต่ละภาคเรียน เด็กได้เรียนรู้เกี่ยวกับการดูแลสิ่งแวดล้อม นำไปสู่การปฏิบัติ และเกิดผลอย่างไรบ้าง โดยผลจะแสดงออกทางเว็บไซต์ ECOLIFE
ทั้งนี้ ได้มีการประสานไปยังกทม.ทั้ง 50 เขต โรงเรียนในสังกัดกทม. และโรงเรียน Eco-School ในการส่งข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการขยะ ซึ่ง ECOLIFE จะเป็นแพลตฟอร์มในการสร้างความมีส่วนร่วม
"แคมเปญ ‘REact For Change ลองเปลี่ยนโลก’ จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่ทุกคนสามารทำได้ง่าย ๆ การแยกขยะเพื่อรีไซเคิล หรือการหยุดคิดเพื่อให้การใช้ชีวิตเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เมื่อทุกคนนักเรียน คุณครู บุคลากรทางการศึกษาร่วมกันดูแลสิ่งแวดล้อม และนำข้อมูลมากรอกผ่านเว็บไซต์ ECOLIFE จะเป็นการติดตามผลและคำนวณการลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างเห็นผลเป็นรูปธรรม” นายพิพัฒน์ กล่าว
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้ชีวิตเพื่อช่วยโลกให้ดีขึ้น ทุกคนสามารถติดตามคอนเทนต์ดีๆ ผ่านการสร้างสรรค์ของเด็กและเยาวชน คนรุ่นใหม่ ในการนำเสนอเนื้อหา 3R Challenge ได้ที่ช่อง TikTok และติดตามผลลัพธ์แคมเปญ ‘REact For Change ลองเปลี่ยนโลก’ ได้ที่ www.ecolifeapp.com