การฟอกเขียว เรื่องที่ต้องแก้ให้ตกของ ESG
ประเด็นร้อนของบริษัทมหาชนรายหนึ่ง ที่ได้รับคะแนน ESG สูงลิ่วที่กำลังตกเป็นข่าวอยู่ ทำให้นึกถึง การฟอกเขียว (Greenwashing) ในกระบวนการ ESG
การฟอกเขียว ซึ่งหมายถึงการที่บริษัทพยายามสร้างภาพลักษณ์ว่าเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หรือมีความรับผิดชอบต่อสังคม แต่ในความเป็นจริงแล้วอาจไม่ได้ดำเนินการอย่างจริงจัง หรือทำแค่นิดหน่อยพอให้มีภาพลักษณ์
การฟอกเขียวมีหลายรูปแบบ ตั้งแต่การเลือกรายงานเฉพาะข้อมูลด้านบวก การใช้ภาษาที่คลุมเครือ ไปจนถึงการตั้งเป้าหมายที่ไกลเกินจริง ตัวอย่างเช่น
บริษัทผลิตเครื่องดื่มรายใหญ่แห่งหนึ่งประกาศว่าจะใช้ขวดพลาสติกรีไซเคิล 100% ภายในปี 2030 แต่กลับไม่เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับปริมาณพลาสติกที่ใช้ในปัจจุบัน หรือแผนการลดการใช้พลาสติกโดยรวม นี่เป็นตัวอย่างของการใช้เป้าหมายที่ฟังดูดีแต่ขาดความโปร่งใสในรายละเอียด
ในภาคพลังงาน เราอาจพบกรณีของบริษัทที่โฆษณาตัวเองว่าเป็น “ผู้นำด้านพลังงานสะอาด” โดยอ้างถึงการลงทุนในโครงการพลังงานแสงอาทิตย์และลม แต่ในความเป็นจริง รายได้ส่วนใหญ่ของบริษัทยังคงมาจากเชื้อเพลิงฟอสซิล การนำเสนอข้อมูลเช่นนี้อาจทำให้นักลงทุนและผู้บริโภคเข้าใจผิดเกี่ยวกับภาพรวมการดำเนินงานของบริษัท
สำหรับภาคการเงิน เราอาจพบกรณีของธนาคารที่ประกาศนโยบาย “การให้สินเชื่อที่รับผิดชอบ” แต่ในทางปฏิบัติยังคงให้เงินกู้แก่โครงการที่ทำลายสิ่งแวดล้อมหรือละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยอ้างว่าเป็นเพียงส่วนน้อยของภาพรวมการปล่อยสินเชื่อทั้งหมด
ส่วนอุตสาหกรรมแฟชั่น เราอาจเห็นแบรนด์เสื้อผ้าที่โฆษณาสินค้า “รักษ์โลก” โดยใช้วัสดุรีไซเคิลในการผลิตเสื้อผ้าบางรุ่น แต่ไม่ได้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับสภาพการทำงานในโรงงานผลิตหรือการใช้สารเคมีที่เป็นอันตรายในกระบวนการผลิต
ผลกระทบของการฟอกเขียวไม่เพียงทำลายความเชื่อมั่นต่อบริษัท แต่ยังบั่นทอนความน่าเชื่อถือของแนวคิด ESG โดยรวม อาจทำให้ผู้คนมองว่า ESG เป็นเพียงกลยุทธ์ทางการตลาดมากกว่าการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง ซึ่งอาจนำไปสู่การละเลยนโยบายด้านความยั่งยืนในระยะยาว
การฟอกเขียวยังอาจส่งผลเสียต่อบริษัทที่ดำเนินการด้าน ESG อย่างจริงจัง เนื่องจากต้องแข่งขันกับบริษัทที่เพียงแค่สร้างภาพลักษณ์แต่ไม่ได้ลงทุนอย่างแท้จริง
การแก้ไขปัญหาการฟอกเขียว จำเป็นต้องมีมาตรการที่เป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพ หนึ่งในแนวทางที่น่าสนใจคือ การพัฒนาระบบการตรวจสอบและรับรอง ESG ที่เป็นอิสระและน่าเชื่อถือ โดยอาจใช้เทคโนโลยี Blockchain เพื่อสร้างความโปร่งใสและตรวจสอบย้อนกลับได้ของข้อมูล ESG
นอกจากนี้ การกำหนดให้บริษัทจดทะเบียนต้องเปิดเผยข้อมูลด้าน ESG ในรูปแบบที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน เช่น การใช้ XBRL (eXtensible Business Reporting Language) สำหรับการรายงานข้อมูล ESG ก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่จะช่วยให้การเปรียบเทียบและวิเคราะห์ข้อมูลทำได้ง่ายขึ้น
การส่งเสริม “ESG Activism” หรือ “การเคลื่อนไหวเพื่อ ESG” หมายถึงการที่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการผลักดันให้บริษัทดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบ เช่น กรณีนักลงทุนสถาบันที่กดดันบริษัทน้ำมันให้กำหนดเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก หรือกลุ่มผู้บริโภคที่รณรงค์ให้แบรนด์แฟชั่นเปิดเผยข้อมูลห่วงโซ่อุปทาน
การพัฒนาแพลตฟอร์ม ให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียรายงานพฤติกรรมการฟอกเขียวของบริษัท ก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งในการต่อสู้กับปัญหานี้ เพราะจะได้มีศูนย์กลางในการรวบรวมข้อมูล ตรวจสอบข้อเท็จจริง และเผยแพร่รายงานเกี่ยวกับการดำเนินงานด้าน ESG ของบริษัทต่างๆ ซึ่งจะช่วยให้นักลงทุนและผู้บริโภคมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจ
การพัฒนาระบบการศึกษาและฝึกอบรมด้าน ESG ที่ครอบคลุมและเข้าถึงได้ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน โดยอาจมีการพัฒนาหลักสูตรออนไลน์แบบเปิด ที่เน้นการสอนทักษะการวิเคราะห์และตรวจสอบข้อมูล ESG รวมถึงการรู้เท่าทันการฟอกเขียวในรูปแบบต่างๆ
เพื่อสร้างประชากรที่มีความรู้และตื่นตัวในประเด็น ESG จะเป็นกำลังสำคัญในการตรวจสอบและผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงในภาคธุรกิจ
นอกจากนี้ การสร้างแรงจูงใจทางการเงินสำหรับบริษัทที่ดำเนินการด้าน ESG อย่างจริงจัง ก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่ควรพิจารณา เช่น การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี หรือการสนับสนุนเงินทุนสำหรับโครงการที่ส่งเสริมความยั่งยืน มาตรการเหล่านี้จะช่วยสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันให้กับบริษัทที่มุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบ
การสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชนและประชาสังคมในการกำหนดนโยบายและมาตรการด้าน ESG ก็มีความสำคัญอย่างยิ่ง การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนจะช่วยให้เกิดการพัฒนานโยบายที่สมดุลและมีประสิทธิภาพ รวมถึงการสร้างกลไกการตรวจสอบและถ่วงดุลที่เหมาะสม
ท้ายที่สุด การสร้างระบบ ESG ที่โปร่งใสและมีประสิทธิภาพ เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการพัฒนาที่ยั่งยืน การต่อสู้กับการฟอกเขียวผ่าน ESG Activism การศึกษา และเทคโนโลยีใหม่ๆ จะช่วยรักษาความน่าเชื่อถือของแนวคิดนี้ และผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงในภาคธุรกิจ
การสร้างความตระหนักรู้และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน จึงเป็นกุญแจสำคัญในการผลักดันให้ ESG เป็นมากกว่าคำพูดสวยหรู แต่เป็นแนวทางปฏิบัติที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงและยั่งยืน