‘ภูเขาขยะ’ ใน ‘ยูกันดา’ ถล่ม มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 25 ราย

เกิดเหตุภูเขาขยะถล่มในหลุมฝังกลบ คิตีซี (Kiteezi) กรุงกัมปาลา เมืองหลวงของยูกันดา คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วอย่างน้อย 25 ราย เจ้าหน้าที่ยังคงเร่งค้นหาผู้ที่ติดต่ออยู่ในกองขยะต่อไป เชื่อกันว่าสาเหตุของการถล่มในครั้งนี้มาจากฝนตกหนักติดต่อกัน จนทำให้กองขยะขนาดใหญ่พังทลายทับผู้คน ปศุสัตว์ และบ้านเรือนในขณะที่ชาวบ้านนอนหลับอยู่

แพทริค ออนยางโก โฆษกตำรวจ กล่าวว่า “จากการประเมินของเรา มีผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ประมาณ 1,000 คน และเรากำลังเร่งทำงานร่วมกับหน่วยงานอื่น ๆ ของรัฐบาล และผู้นำชุมชน เพื่อดูว่าจะช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบได้อย่างไร”

เจ้าหน้าที่สร้างเขตกันชน 200 เมตรรอบๆ พื้นที่ดังกล่าว และสั่งให้เร่งอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ แต่ฝนก็ยังคงตกหนักขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่

สถานที่ฝังกลบแห่งนี้มีขนาด 36 เอเคอร์ เป็นที่ทิ้งขยะขนาดใหญ่แห่งเดียวในเขตเมืองหลวง ที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2539 ในแต่ละวันมีรถบรรทุกขนขยะมาทิ้งหลายร้อยคัน มีปริมาณขยะประมาณ 1,500 ตันต่อวัน  แต่ก็ไม่รับการดูแลให้เป็นระเบียบ ก่อนหน้านี้ทางการเคยประกาศว่าบ่อขยะเต็มแล้ว และเคยพิจารณาว่าต้องปิดบ่อขยะ และย้ายไปนอกเมืองที่มีขนาดใหญ่กว่า 

ทว่าการย้ายพื้นที่บ่อขยะไม่เคยเกิดขึ้นจริง หนำซ้ำบริเวณพื้นที่รอบๆ บ่อขยะ ยังถูกกลุ่มประชาชนที่หาของเก่าสร้างบ้าน ตั้งรกรากอยู่อาศัย โดยไม่ได้รับอนุญาต และหลายคนหาเลี้ยงชีพด้วยการลากอวนไปตามกองขยะ เพื่อหาอะไรก็ตามที่สามารถขายต่อได้ ซึ่งชาวบ้านมักบ่นเรื่องของเสียอันตราย ที่ก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ แต่ก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข

ประธานาธิบดีโยเวรี มูเซเวนี แห่งยูกันดา สั่งสอบสวนการเกิดภัยพิบัติดังกล่าว พร้อมตั้งคำถามว่าทำไมผู้คนจึงอาศัยอยู่ใกล้กับกองขยะที่ไม่มั่นคง

“ใครอนุญาตให้ผู้คนอาศัยอยู่ใกล้กับกองขยะที่อาจเป็นอันตราย และเสี่ยงภัยเช่นนี้” มูเซเวนี กล่าว พร้อมเสริมว่าของสิ่งปฏิกูลในบ่อขยะมีอันตรายมากพอจนผู้คนไม่ควรอาศัยอยู่ที่นั่น

เหตุการณ์ภูเขาขยะถล่มเกิดขึ้นบ่อยครั้งในกลุ่มประเทศทางตอนใต้ทะเลทรายซาฮาราของแอฟริกา เนื่องจากมีกองขยะที่มีการจัดการไม่ดี ย้อนกลับไปปี 2560 เหตุการณ์ดินถล่มที่หลุมฝังกลบในกรุงอาดดิสอาบาบา ของเอธิโอเปีย ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 115 คน ขณะที่ ที่คล้ายกันในกรุงมาปูตู ประเทศโมซัมบิก มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 17 คนในปี 2561

ที่มา: ABC News, Aljazeera, BBC, CNA

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์