'อนาคตเศรษฐกิจไทย' ในช่วงการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืน
การพัฒนาเศรษฐกิจไทย ต้องอาศัยปัจจัยในหลายๆด้าน ไม่ใช่เรื่องของการค้าเพียงอย่างเดียว ยั่งมีเรื่องของความยั่งยืน การพัฒนาทักษะใหม่ ตลอดจนถึงเรื่องของการเมืองและสั่งคม จึงสามารถเปลี่ยนผ่านได้มีประสิทธิภาพได้
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รองประธานกรรมการ บริษัท สหพัฒนพิบูล จํากัด (มหาชน) กล่าวในงาน "The Future of Thailand: Perspectives from Leaders of Different Generations" จัดโดย บิทคับว่า สิ่งสะท้อนการเดินทางทางเศรษฐกิจของประเทศไทยในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา โดยเน้นย้ำถึงจุดแข็งในด้านความมั่นคงด้านอาหาร ฐานอุตสาหกรรม และการท่องเที่ยว
รวมถึงการตั้งข้อสังเกตถึงการเปลี่ยนแปลงของประเทศไทยสู่ประเทศที่มีรายได้ปานกลางสูงภายในปี 2554 แต่ระบุถึงความท้าทายล่าสุด เช่น การลดลงของโลกาภิวัตน์ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ช้า ความไม่มั่นคงทางการเมือง ประชากรสูงอายุ และความเหลื่อมล้ำที่เพิ่มขึ้น
และเน้นย้ำถึงความจําเป็นในการปฏิวัติสีเขียวครั้งที่สองในการเกษตร การอัพเกรดอุตสาหกรรม และการปรับทักษะแรงงาน และเรียกร้องให้ปฏิรูปกฎหมายและข้อบังคับและปรับปรุงระบบภาษีเพื่อสนับสนุนระบบสวัสดิการที่เทียบเคียงได้กับประเทศในยุโรป ซึ่งปัจจุบันเก็บภาษี 40% ของจีดีพี ในขณะที่ไทยเก็บภาษีเพียง 15% และการแบ่งขั้วทางการเมืองที่น้อยลงเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้และส่งเสริมการเติบโตที่ครอบคลุม โดยต้องมีการดำเนินการ ดังนี้
- เริ่มกระบวนการเขียนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่สะท้อนถึงวิสัยทัศน์และความท้าทายของประเทศ
- สร้างพื้นที่สําหรับการสนทนาที่สร้างสรรค์ข้ามรุ่นเพื่อหารือเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
- สร้างความตระหนักของประชาชนเกี่ยวกับความจําเป็นในการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานในระบบการเมือง
- สนับสนุนการตอบสนองจากผู้มีอํานาจต่อความต้องการของสาธารณชนในการปฏิรูปทางการเมือง
จุดแข็งและความท้าทายทางเศรษฐกิจของประเทศไทย
ที่ผ่านในบริการสาธารณะเมื่อ 30 ปีที่แล้ว และเน้นย้ำถึงความสําคัญของการสร้างรากฐานของประเทศไทยโดยประเทศไทยมีความโดดเด่นในด้านที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ ความมั่นคงด้านอาหาร ฐานอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่งในด้านอิเล็กทรอนิกส์และยานพาหนะ และเศรษฐกิจที่หลากหลาย
นอกจากนี้ประเทศกลายเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางในปี 2554 และกําลังเป็นประเทศที่มีรายได้สูง แต่ความท้าทายล่าสุดทําให้ความคืบหน้าช้าลง ซึ่งตลาดที่หลากหลายของไทยและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่สมดุลเป็นจุดแข็ง แต่การลดลงของโลกาภิวัตน์และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเป็นความท้าทายที่สําคัญ
ผลกระทบของโลกาภิวัตน์และเทคโนโลยี
เศรษฐกิจแบบเปิดของไทยได้รับประโยชน์จากโลกาภิวัตน์อย่างไร แต่ภาวะถดถอยของโลกาภิวัตน์เมื่อเร็ว ๆ นี้ทําให้อัตราการเติบโตลดลง ทำให้ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและความต้องการการเติบโตอย่างยั่งยืนได้นําเสนอความท้าทายใหม่ ๆ ที่ประเทศไทยพยายามดิ้นรนเพื่อให้ทัน
อย่างไรก็ตามความไม่มั่นคงทางการเมืองในช่วงทศวรรษครึ่งที่ผ่านมาได้ขัดขวางความก้าวหน้า รวมถึงสังคมผู้สูงอายุและความเหลื่อมล้ำที่เพิ่มขึ้นถูกระบุว่าเป็นความท้าทายเพิ่มเติมที่ต้องได้รับการแก้ไข
ภาคเกษตรกรรมและการปรับทักษะใหม่
โดยเรียกร้องให้มีการปฏิวัติสีเขียวครั้งที่สองในภาคเกษตรกรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความยั่งยืน โดยเน้นย้ำถึงความจําเป็นในการอัพเกรดอุตสาหกรรมและเปิดภาคบริการเพื่อขับเคลื่อนการเติบโต
เพิ่มการปรับทักษะประชากรให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีถูกระบุว่าเป็นความต้องการที่สําคัญ รวมถึงการตีกรอบกฎหมายและข้อบังคับเพื่อดึงดูดการลงทุนและสนับสนุนการเติบโตที่ครอบคลุมก็ถูกเน้นเช่นกัน
แง่มุมทางสังคมและระบบภาษี
ความท้าทายของสังคมผู้สูงอายุและความจําเป็นของระบบสวัสดิการที่แข็งแกร่งเพื่อรับรองความปลอดภัยสําหรับทุกยุคทุกสมัย และปัจจุบันประเทศไทยเก็บภาษีเพียง 15% ของจีดีพี ซึ่งไม่เพียงพอต่อการสนับสนุนระบบสวัสดิการที่เทียบเคียงได้กับประเทศในยุโรป การปรับปรุงระบบภาษีเพื่อเพิ่มรายได้ถูกระบุว่าเป็นความท้าทายที่สำคัญ
และความสําคัญของการเมืองในการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการบรรลุวิสัยทัศน์เหล่านี้
การปฏิรูปทางการเมืองและความต้องการของประชาชน
นักการเมืองมองโลกภายนอกและเชิงรุกมากขึ้นเพื่อตอบสนองต่อความท้าทายทางภูมิรัฐศาสตร์ เน้นย้ำถึงความจําเป็นในการพูดคุยทางการเมืองที่และมีอุดมการณ์ที่เป็นระบบมากขึ้น
รวมถึงการลดการแบ่งขั้วและการแก้ไขปัญหาความโปร่งใส ความไว้วางใจ และการทุจริตเป็นสิ่งสําคัญสําหรับการปฏิรูปทางการเมืองเพื่อทำให้ประเทศพัฒนามากขึ้น
บทสรุปและแนวโน้มในอนาคต
ความมั่นใจในความสามารถของประเทศไทยในการปรับตัวและความคิดสร้างสรรค์ในการเผชิญกับความท้าทาย ซึ่งเน้นย้ําถึงความสําคัญของการเปิดกว้างต่อแนวคิดใหม่ ๆ และการเปลี่ยนแปลงจากทั่วโลก
อนาคตที่คนรุ่นใหม่หวังว่าจะเห็นสามารถกลายเป็นความจริงได้หากสร้างโอกาสและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม สรุปด้วยมุมมองเชิงบวก แสดงความหวังสําหรับอนาคตของประเทศและศักยภาพในการเติบโตที่ครอบคลุมและยั่งยืน