บินเจ็ทส่วนตัวฉาวใน COP29 ผู้แทนบางส่วนถูกวิจารณ์ หลอกลวงรักโลก
การเข้าร่วม COP29 ด้วยการเดินทางที่ยั่งยืนสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้อื่นและแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่แท้จริงในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นก้าวสำคัญที่จะทำให้เห็นว่าผู้นำและผู้แทนทั่วโลกต่างตั้งใจที่จะบรรลุเป้าหมายอย่างแท้จริง
ในขณะที่โลกหันมาสนใจกรุงบากู สาธารณรัฐอาเซอร์ไบจาน สำหรับการประชุมสุดยอดด้านสภาพภูมิอากาศ COP29 การเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวที่มาถึงสนามบินนานาชาติของเมืองนี้ ได้ก่อให้เกิดคำวิจารณ์ โดยมีการกล่าวว่า เป็นสิ่งที่ขัดแย้งกับเป้าหมายของการประชุม
ข้อมูลจากเว็บไซต์ติดตามการบิน Flight Radar ระบุว่า เครื่องบินเจ็ทส่วนตัว 65 ลำได้ลงจอดในบากูในสัปดาห์ก่อนเริ่มการประชุม ในจำนวนดังกล่าวมี 45 ลำที่มาถึงช่วงวันเปิดงาน คืออาทิตย์ที่ 10 และจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2024 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นที่ชัดเจนจากจำนวน 32 ลำในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
"อเลเทีย วอร์ริงตัน" หัวหน้าฝ่ายพลังงาน การบิน และความร้อนของ Possible ซึ่งเป็นองค์กรการกุศลด้านการดำเนินการด้านสภาพอากาศ กล่าวกับหนังสือพิมพ์ Times ของอังกฤษว่า สำหรับซีอีโอที่อ้างว่าใส่ใจในการแก้ปัญหาวิกฤตสภาพอากาศ การใช้เครื่องบินส่วนตัวเพื่อเดินทางไปยัง COP ถือเป็นการเสแสร้งอย่างหน้าไหว้หลังหลอก
“การเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัวถือเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณคาร์บอนที่เหลืออยู่ของโลกอย่างมหาศาล โดยการเดินทางแต่ละครั้งก่อให้เกิดการปล่อยคาร์บอนมากกว่าที่คนทั่วไปทั่วโลกปล่อยออกมาตลอดทั้งปีเสียอีก”
"เดนิส โอแคลร์" หัวหน้าฝ่ายแคมเปญ Travel Smart จาก Transport & Environment (T&E) กล่าวกับเดลิเมล์ว่า เครื่องบินเจ็ทส่วนตัวผลิตอัตราส่วน CO₂ ต่อผู้โดยสารมากกว่าการบินพาณิชย์ถึง 10 เท่า และผู้บริหารที่เดินทางด้วยเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวเที่ยวบินเดียวใช้ CO₂ มากกว่าหลายคนทำได้ตลอดทั้งปี
การเลือกใช้เครื่องบินเจ็ทส่วนตัวในการเดินทางไปประชุมสุดยอดด้านสภาพภูมิอากาศไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในทางลบ แต่ยังทำให้เป้าหมายของการประชุมที่มุ่งเน้นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมีความขัดแย้งและยากที่จะบรรลุผลสำเร็จ
เทียบการประชุม COP
การเพิ่มขึ้นของการใช้เครื่องบินเจ็ทส่วนตัวในการประชุม COP29 นั้นยังต่ำกว่าสถิติที่เกิดขึ้นที่ COP28 ในดูไบปี 2023 ซึ่งมีเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว 644 ลำ ลงจอด และผลิต CO₂ ประมาณ 4,800 ตัน อย่างไรก็ตาม จำนวนเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวที่ COP29 ยังคงสูงกว่าการประชุม COP ครั้งอื่นๆ เช่น COP26 ในกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์
แม้ว่าการใช้เครื่องบินเจ็ทส่วนตัวจะให้ความสะดวกสบายและความภาคภูมิใจ แต่ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมของมันไม่อาจปฏิเสธได้ การปล่อยก๊าซจากเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวเที่ยวบินเดียวสามารถส่งผลต่อปริมาณคาร์บอนโดยรวมอย่างไม่สมส่วน ทำให้เป้าหมายของการประชุมสุดยอดด้านสภาพภูมิอากาศเสียหาย นักวิจารณ์กล่าวว่าการใช้เครื่องบินเจ็ทส่วนตัวโดยผู้แทนด้านสภาพภูมิอากาศไม่แสดงถึงความจริงจังในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน
ตัวอย่างความพยายาม
ท่ามกลางความขัดแย้งเกี่ยวกับการลดคาร์บอนฟุตพริ้นต์ (Carbon Footprint) ผู้เข้าร่วมบางคนได้พยายามอย่างเด่นชัดในการลดคาร์บอนฟุตพริ้นต์ ตัวอย่างเช่น กลุ่มที่ปรึกษาด้านความยั่งยืนของบริษัทจากสหราชอาณาจักรสามคนได้เดินทางไปยังบากูด้วยการใช้ รถไฟ 15 ขบวนและรถบัส 3 คัน แสดงให้เห็นว่าตัวเลือกการเดินทางที่ปล่อยคาร์บอนต่ำสามารถทำได้แม้จะเป็นระยะทางไกล
การเลือกใช้รถไฟและรถบัสเป็นทางเลือกที่มีผลกระทบต่อการลดคาร์บอนฟุตพริ้นต์อย่างมีนัยสำคัญ ตามข้อมูลจากภาวะเสียหายทางอากาศจากณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Intergovernmental Panel on Climate Change : IPCC) การเดินทางด้วยรถไฟและรถบัสสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) ได้ถึง 90% เมื่อเทียบกับการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนบุคคล
ผลกระทบในอนาคต
การใช้เครื่องบินเจ็ทส่วนตัวในการประชุมสุดยอดด้านสภาพภูมิอากาศระหว่างประเทศเป็นส่วนหนึ่งของข้อโต้แย้งที่มากขึ้นเกี่ยวกับคาร์บอนฟุตพริ้นต์ของการทูตระดับสูง แม้ว่าจะมีการยอมรับถึงความจำเป็นในการเจรจาแบบ onsite แต่โหมดการเดินทางโดยเครื่องบินเจ็ทมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ
ในขณะที่โลกพยายามที่จะบรรลุเป้าหมายที่ทะเยอทะยานในข้อตกลงปารีส (Paris Agreement) การเลือกวิธีการเดินทางของผู้นำโลกและผู้แทน ทั้งไปและกลับจากการประชุมสุดยอดนี้ยังคงเป็นจุดสนใจ
มีความหวังว่าการประชุมสุดยอดในอนาคตจะเห็นตัวเลือกการเดินทางที่ยั่งยืนมากขึ้นถูกนำมาใช้ ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นที่แท้จริงต่อเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศ การแก้ไขปัญหาสภาพภูมิอากาศจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมไม่ใช่แค่ในนโยบาย แต่ในชีวิตประจำวันของผู้นำและประชาชนทุกคน
ที่มา : Euro News