ไทยเปิดเจรจา ผู้บริหารกองทุน COP29 โชว์ศักยภาพ เพื่อรับการสนับสนุนระดับโลก
การบรรลุเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศระดับโลก เช่น การจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิไม่เกิน 1.5°C เหนือระดับก่อนอุตสาหกรรม ต้องการความร่วมมือจากทุกฝ่าย ประเทศกำลังพัฒนาต้องการการสนับสนุนทางการเงินเพื่อให้สามารถทำตามพันธสัญญาด้านสภาพภูมิอากาศระดับโลก
กองทุนภูมิอากาศสีเขียว (Green Climate Fund: GCF) เป็นกองทุนด้านสภาพภูมิอากาศที่ใหญ่ที่สุดในโลก ก่อตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนความพยายามในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กองทุนนี้ถูกสร้างขึ้นครั้งแรกภายใต้กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UNFCCC) ในการประชุมสภาพภูมิอากาศที่โคเปนเฮเกนในปี 2009
เพื่อให้การสนับสนุนในการเสริมสร้างศักยภาพประเทศต่างๆ พัฒนาและดำเนินโครงการด้านสภาพภูมิอากาศ จุดเด่นที่สำคัญของ GCF คือ ใช้วิธีขับเคลื่อนโดยประเทศ ซึ่งหมายความว่าประเทศกำลังพัฒนาจะเป็นผู้นำในการวางแผนและดำเนินโครงการที่ได้รับทุนจาก GCF
ทั้งนี้ ในงาน COP29 ณ กรุงบากู สาธารณรัฐอาเซอร์ไบจาน เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2567 ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทย ได้มอบหมายให้ ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม หารือร่วมกับ นายเฮนรี่ กอนซาเลซ Chief Investment Officer ของกองทุนภูมิอากาศสีเขียว (GCF)
ทั้งสองฝ่ายได้หารือถึงแนวทางขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของไทย ภายใต้ Thailand Country Programme ทั้งด้านการลดก๊าซเรือนกระจกและการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยเฉพาะประเด็นความชัดเจนเกี่ยวกับการเพิ่มโอกาสให้ไทยได้รับสนับสนุนทางการเงินมากยิ่งขึ้น
ทั้งในด้านการดำเนินโครงการ และการเตรียมความพร้อมเพื่อนำไปสู่การลงทุนด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Investment) พร้อมทั้งเร่งรัดติดตามการขอรับการรับรองเป็นหน่วยงานปฏิบัติการระดับชาติของหน่วยงานไทย ทั้งนี้ ผลจากการหารือดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ในการกำหนดทิศทาง และแนวทางที่ชัดเจนในการขอรับการสนับสนุนจากกองทุนภูมิอากาศสีเขียวต่อไป
การเข้าถึงกองทุน
กองทุนภูมิอากาศสีเขียว (GCF) ระดมทุนผ่านการดำเนินการเชิงกลยุทธ์และการร่วมมือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่างๆ เช่น รัฐบาล เอกชน องค์การระหว่างประเทศ ผู้อุปถัมภ์ สถาบันการเงิน องค์กรการกุศล และการบริจาคจากประเทศพัฒนาแล้วภายใต้กรอบ UNFCCC
ผู้สมัครที่สามารถขอรับทุนประกอบด้วย
1. รัฐบาล : รัฐบาลแห่งชาติและรัฐบาลท้องถิ่นในประเทศกำลังพัฒนาสามารถขอรับทุนเพื่อสนับสนุนโครงการการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
2. หน่วยงานภาคเอกชน : บริษัทและธุรกิจที่มีส่วนร่วมในโครงการส่งเสริมความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมและความยืดหยุ่นทางภูมิอากาศ
3. องค์กรที่ไม่ใช่ของรัฐบาล (NGOs) : NGOs ที่ทำงานเกี่ยวกับโครงการและการริเริ่มด้านสภาพภูมิอากาศ
4. สถาบันการเงิน : ธนาคารและสถาบันการเงินที่ให้การสนับสนุนทางการเงินสีเขียวและสนับสนุนโครงการที่ยั่งยืน
5. องค์กรระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ : องค์กรที่ทำงานเกี่ยวกับการริเริ่มด้านสภาพภูมิอากาศในระดับภูมิภาคหรือระดับโลก
เงินให้เปล่า-เงินกู้
กองทุนภูมิอากาศสีเขียวให้การสนับสนุนทางการเงินในหลายรูปแบบ ได้แก่
- ทุนสนับสนุน (Grants) : เงินสนับสนุนที่ไม่ต้องชำระคืน มอบให้กับโครงการและกิจกรรมเฉพาะด้านสภาพภูมิอากาศ
- เงินกู้ (Loans) : เงินทุนที่ต้องชำระคืนพร้อมดอกเบี้ย โดยมักจะให้ในเงื่อนไขที่ผ่อนปรนเพื่อทำให้สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้นสำหรับประเทศกำลังพัฒนา
- การลงทุนในหุ้น (Equity) : การลงทุนในโครงการหรือบริษัทโดยแลกกับการถือหุ้นในองค์กรนั้นๆ โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างผลตอบแทนและบรรลุวัตถุประสงค์ด้านสภาพภูมิอากาศ
- การค้ำประกัน (Guarantees) : เครื่องมือทางการเงินที่ลดความเสี่ยงสำหรับนักลงทุน กระตุ้นให้ภาคเอกชนลงทุนในโครงการด้านสภาพภูมิอากาศ
ความก้าวหน้าของไทยช่วงสัปดาห์แรก
ดร.พิรุณ ได้ประชุมร่วมกับคณะผู้แทนไทย เพื่อติดตามความก้าวหน้าผลการเจรจาในช่วงสัปดาห์แรก เตรียมพร้อมก่อนเข้าร่วมการประชุมระดับสูง (Resumed High-level Segment) ของ COP29 ระหว่างวันที่ 19-20 พ.ย. 2567 โดยคณะผู้แทนไทยได้รายงานความก้าวหน้าผลการเจรจาในสัปดาห์แรกของการประชุม COP29 มีประเด็นสำคัญ 10 ประเด็น ดังนี้
1) เป้าหมายทางการเงินครั้งใหม่ (New Collective Quantified Goal: NCQG) เพื่อระบุจำนวนเงินต่อปีที่ชัดเจนความโปร่งใสของการสนับสนุน และการเข้าถึงได้ง่ายของประเทศกำลังพัฒนา
2) การทบทวนสถานการณ์และการดำเนินงานระดับโลก (Global Stocktake) เพื่อจัดทำในครั้งที่ 2 และเชื่อมโยงข้อมูลไปสู่การจัดทำ NDC 2035 และการเสริมสร้างศักยภาพของประเทศสมาชิก
3) การกำหนดตัวชี้วัดเพื่อขับเคลื่อนการปรับตัวต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศตามเป้าหมายระดับโลก
4) การเร่งสร้างกติกาและกลไกดำเนินงานของกองทุนจัดการความสูญเสียและความเสียหาย (Loss and Damage Fund)
5) การหาข้อสรุปให้เกิดความร่วมมือและกลไกที่เอื้ออำนวยการดำเนินงานระหว่างภาคีด้านคาร์บอนเครดิตภายใต้ความตกลงปารีส
6) การสร้างช่องทางออนไลน์เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานภาคเกษตรด้านวิชาการและสนับสนุนทางการเงิน
7) การเสริมพลังเครือข่ายขับเคลื่อนการดำเนินงานให้เป็นไปตามเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกของแต่ละประเทศ (Action for Climate
Empowerment: ACE)
8 ) การกำหนดสาระของรายงานผลความคืบหน้าการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกรายสองปี ที่ประเทศกำลังพัฒนาจะต้องจัดส่งภายในสิ้นปี ค.ศ. 2024 9) การขับเคลื่อนศักยภาพลดก๊าซเรือนกระจกเพิ่มขึ้น โดยเร่งถ่ายทอดเทคโนโลยีและสนับสนุนทางการเงินจากประเทศพัฒนาแล้ว และ 10) การสร้างกลไกขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านที่เป็นธรรม โดยคำนึงถึงผลกระทบที่เกิดจากมาตรการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ทั้งนี้ คณะผู้แทนไทยจะมีการรวมทั้งรวบรวมและจัดทำสรุปผลการประชุม COP29 เพื่อเผยแพร่ในวันสิ่งแวดล้อมไทย วันที่ 4 ธันวาคม 2567 ต่อไป