คนเสียชีวิตจาก ‘อากาศหนาว’ เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพราะ ‘โลกร้อน’ รุนแรงกว่าเดิม
ผลการศึกษาวิจัยใหม่พบว่าการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับอากาศหนาวเย็นในสหรัฐเพิ่มสูงขึ้นในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา
KEY
POINTS
- อัตราการเสียชีวิตจากอากาศหนาวเย็นของชาวสหรัฐ ทั้งที่เป็นสาเหตุหลักและสาเหตุร่วมเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่าระหว่างปี 1999-2022 โดยอัตราการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับความหนาวเย็นเพิ่มขึ้น 3.4% ต่อปี
- กลุ่มคนที่มีอัตราการเสียชีวิตจากความหนาวเย็นสูงที่สุด คือ ผู้สูงอายุ กลุ่มชนพื้นเมืองอเมริกัน ชาวพื้นเมืองในอะแลสกา และคนผิวสี
- การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลให้เกิดสภาพอากาศหนาวเย็นจัดในฤดูหนาวได้เช่นกัน
เป็นที่รู้กันดีว่า ในตอนนี้โลกของเราก็กำลังร้อนขึ้นอย่างต่อเนื่องและทำลายสถิติเป็นว่าเล่น ซึ่งเป็นผลมาจาก “การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” แต่งานวิจัยล่าสุดกลับพบว่า ช่วง 20 ปีที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตจากอากาศหนาวเย็นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
การศึกษาวิจัยในวารสารของสมาคมการแพทย์อเมริกัน ตรวจสอบข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐพบว่า อัตราการเสียชีวิตจากอากาศหนาวเย็นของชาวสหรัฐ ทั้งที่เป็นสาเหตุหลักและสาเหตุร่วมเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่าระหว่างปี 1999-2022 โดยอัตราการเสียชีวิตสูงสุดในปี 2022 อยู่ที่บริเวณมิดเวสต์ มีผู้เสียชีวิตจากสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับอากาศหนาวเย็น 3,571 คน
อัตราการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับความหนาวเย็นเพิ่มขึ้น 3.4% ต่อปีในช่วงหลายปีที่ทำการวิจัย ซึ่งผู้ชายมีอัตราการเสียชีวิตสูงกว่าผู้หญิง ตามข้อมูลของสำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมพบว่า พื้นที่ชนบทจะมีอัตราการเสียชีวิตสูงกว่า และในช่วงฤดูหนาวจะมีสัดส่วนการเสียชีวิตสูงกว่าฤดูอื่น 8-12%
“แม้ว่าเราจะอยู่ในโลกที่ร้อนขึ้น แต่การเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับอากาศหนาวเย็นยังคงเป็นปัญหาสาธารณสุขในสหรัฐ” ไมเคิล หลิว นักศึกษาจากโรงเรียนแพทย์ฮาร์วาร์ดและหัวหน้าคณะผู้จัดทำการศึกษากล่าว
หลายครั้งการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลให้เกิดสภาพอากาศหนาวเย็นจัดในฤดูหนาวได้เช่นกัน รวมถึงกระแสลมหมุนที่ขั้วโลก ซึ่งเกิดขึ้นเมื่ออากาศในอาร์กติกพัดเข้าสู่สหรัฐ โดย “กระแสลมหนาว” (winter whiplash) ที่พัดเข้ามานี้อาจทำให้ผู้คนเสี่ยงต่ออากาศหนาวเย็นมากขึ้น
“เราไม่ค่อยคุ้นเคยกับการต้องสัมผัสกับอุณหภูมิที่หนาวเย็น ดังนั้นเมื่อเกิดขึ้น ร่างกายจะได้รับผลกระทบมากกว่า” วิคเตอร์ เจนซินี ศาสตราจารย์ด้านอุตุนิยมวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยนอร์ธเทิร์นอิลลินอยส์กล่าว
ผู้ที่เสี่ยงต่อความหนาวเย็นมากที่สุด
อากาศหนาวเย็นส่งผลเสียต่อสุขภาพอย่างร้ายแรง เช่น เกิดอาการหนาวสั่นและภาวะอุณหภูมิร่างกายต่ำกว่าปกติ ซึ่งเป็นภาวะที่อุณหภูมิร่างกายลดลงต่ำกว่า 32 องศาเซลเซียส หากอุณหภูมิร่างกายต่ำกว่าปกติเป็นเวลานานอาจส่งผลต่อระบบหัวใจและระบบทางเดินหายใจ และบางครั้งอาจทำให้เสียชีวิตได้
การศึกษาวิจัยพบว่าอัตราการเสียชีวิตสูงที่สุดในกลุ่มคนอายุ 75 ปีขึ้นไป เนื่องจากความสามารถในการควบคุมอุณหภูมิของร่างกายจะลดลงตามอายุ ทำให้ผู้คนมีแนวโน้มที่จะมีอุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นหรือลดลงอย่างกะทันหันมากขึ้น นอกจากนี้ ผู้สูงอายุยังมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวานหรือปัญหาต่อมไทรอยด์ ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง อาจทำให้ร่างกายอบอุ่นได้ยากขึ้น
รายงานยังระบุด้วยว่าอาจมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลด้วย เช่น การแยกตัวจากสังคม การใช้สารเสพติด และจำนวนคนไร้บ้านที่เพิ่มมากขึ้น โดยดร.เนฮา ราอูการ์ แพทย์ห้องฉุกเฉินที่ Mayo Clinic ใน รัฐมินนิโซตา กล่าวว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา พบผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บจากความหนาวเย็นจำนวนมากขึ้นที่เมาสุรา เพราะเวลาที่คนดื่มแอลกอฮอล์ร่างกายจะอุ่นขึ้น จนอาจไม่รู้ว่าข้างนอกหนาวเพียงใด
การเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับความหนาวเย็นเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วงปี 2017-2022 ซึ่งเป็นช่วงที่มีผู้คนจำนวนมากกลายเป็นคนไร้บ้าน โดยกลุ่มคนที่มีอัตราการเสียชีวิตจากความหนาวเย็นสูงที่สุด คือ กลุ่มชนพื้นเมืองอเมริกัน ชาวพื้นเมืองในอะแลสกา และคนผิวสี
ดร.เจมส์ ไมเนอร์ แพทย์ฉุกเฉินที่ศูนย์การแพทย์เฮนเนปินเคาน์ตี้ กล่าวว่า ปัจจุบัน ผู้คนจำนวนมากที่ไม่มีที่พักพิงจะแออัดกันในห้องพักคอยของโรงพยาบาล เพื่อช่วยให้ร่างกายอบอุ่น
วิธีป้องกันและรักษาอาการบาดเจ็บจากความหนาวเย็น
ดร.ราอูการ์กล่าวว่าการป้องกันอาการบาดเจ็บจากความหนาวเย็นเริ่มต้นด้วยการแต่งกายให้เหมาะสม เธอแนะนำให้สวมเสื้อผ้าหลวม ๆ น้ำหนักเบาหลาย ๆ ชั้นเพื่อกักเก็บความร้อน เธอยังแนะนำให้สวมหมวก ถุงมือ และผ้าพันคออยู่เสมอ และไม่ควรใส่ถุงเท้าเปียก ๆ ตลอดเวลา
เธอยังกล่าวอีกว่าการรักษาระดับน้ำในร่างกายให้เพียงพอเป็นสิ่งสำคัญ เธอแนะนำให้ดื่มน้ำอุ่น และหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงอากาศหนาวจัด เพราะอากาศแบบนี้ทำให้ร่างกายขาดน้ำได้ ในฤดูหนาว เราจะสูญเสียน้ำในร่างกายเพียงเพราะหายใจเอาอากาศเย็นและแห้งเข้าไป ซึ่งร่างกายจะต้องทำให้ร่างกายอบอุ่นและทำให้ชุ่มชื้นก่อนจะไปถึงปอด
หากเกิดอาการบาดเจ็บจากการสัมผัสกับความหนาวเย็น เช่น อาการหนาวสั่น นิ้วเท้าหรือนิ้วมือจะเจ็บและเป็นสีม่วง ตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ ซึ่งเกิดจากภาวะอุณหภูมิร่างกายต่ำลงเล็กน้อย สามารถบรรเทาอากาศเหล่านี้ได้ด้วยการทำร่างกายให้อบอุ่น ด้วยน้ำอุ่นและห่มผ้าห่ม
อย่างไรก็ตาม หากส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายมีรอยฟกช้ำหรือพุพอง จำเป็นต้องไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาอาการบาดเจ็บจากความหนาวเย็น หากผู้ป่วยมีภาวะอุณหภูมิร่างกายต่ำกว่าปกติและไม่สามารถอบอุ่นร่างกายได้อย่างรวดเร็ว อาจทำให้พวกเขาอาจสับสนหรือมีพฤติกรรมแปลก ๆ เช่น ถอดเสื้อผ้าออก เพราะเชื่อว่าร่างกายอบอุ่นเกินไป ผู้ป่วยบางรายอาจถึงขั้นหัวใจหยุดเต้น
ที่มา: Independent, National Review, The New York Times