ถอดรหัส ‘คำสอน’ ปู่วอร์เรน บัฟเฟตต์ ประจำปี 2023

ถอดรหัส ‘คำสอน’ ปู่วอร์เรน บัฟเฟตต์ ประจำปี 2023

ส่องคำสอน “วอร์เรน บัฟเฟตต์” (Warren Buffett) ท่ามกลางตลาดหุ้นที่ผันผวนราวรถไฟเหาะไปทั่วโลก วิกฤติธนาคารสหรัฐล้มติดต่อกัน 3 แห่ง และความเสี่ยงยังขยายไปยังธนาคารเครดิตสวิส นักลงทุนระดับโลกอย่าง “ปู่บัฟเฟตต์” จะมีวิธีเอาตัวรอดในสภาวะตลาดเช่นนี้อย่างไรบ้าง

Key Points

  • เวลาที่ปู่บัฟเฟตต์ (Buffett) ซื้อหุ้น ไม่ได้รู้สึกว่า กำลังซื้อหุ้นเพื่อคิดว่าจะขายหรือเข้าอีกเมื่อไร แต่จะมองว่าเป็นการซื้อตัวธุรกิจ โดยมองที่ความสามารถเติบโตในระยะยาว
  • สิ่งสำคัญที่จะทำให้ถือหุ้นบริษัทดีในระยะยาวได้ ปู่บัฟเฟตต์เน้นย้ำว่าคือ “ความอดทน”
  • บัฟเฟตต์ซื้อหุ้นบริษัท Coca-Cola และ American Express ที่บริษัทละ 1,300 ล้านดอลลาร์เมื่อ 30 ปีที่แล้ว และวันนี้ การลงทุนในหุ้น Coke และ American Express ก็ได้งอกเงยเป็นมูลค่าสูงถึง 25,000 ล้านดอลลาร์ และ 22,000 ล้านดอลลาร์ตามลำดับ

 

เมื่อไม่นานมานี้ วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett) ซีอีโอของบริษัทโฮลดิ้ง Berkshire Hathaway วัย 92 ปี ตำนานนักลงทุนที่ยังมีชีวิต ได้เขียนจดหมายเปิดผนึกจดหมายประจำปีแก่ผู้ถือหุ้น อันทรงคุณค่าสำหรับการลงทุนช่วงมรสุมไว้ 4 ข้อดังนี้

 

1. ขอให้เชื่อมั่นในเศรษฐกิจอเมริกา

สิ่งสำคัญที่ทำให้ปีนี้ต่างจากปีอื่น ๆ ก็คือ เงินเฟ้อที่ดื้อด้านคล้ายปี 1980 อีกทั้งดอกเบี้ยก็สูงในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนับตั้งแต่วิกฤตการณ์ปี 2008 ยังรวมไปถึงความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอยอันเป็นผลข้างเคียงจากการขึ้นดอกเบี้ย เพื่อจัดการเงินเฟ้อด้วย

 

ถอดรหัส ‘คำสอน’ ปู่วอร์เรน บัฟเฟตต์ ประจำปี 2023

- วอร์เรน บัฟเฟตต์ วัย 92 ปี (เครดิต: AFP) -

อย่างไรก็ตาม แม้อเมริกาจะมีจุดเปราะบางทางเศรษฐกิจหลายอย่าง แต่บัฟเฟตต์ก็ยังคงเชื่อมั่นเศรษฐกิจอเมริกาว่า จะสามารถปรับตัว และเติบโตในระยะยาวได้

เขาสังเกตว่า หุ้นที่บริษัท Berkshire ของเขาเลือกนั้นสัมพันธ์กับอนาคตเศรษฐกิจสหรัฐมากกว่าบริษัทอเมริกันอื่น ๆ และเขาได้กระจายการลงทุนไปสู่บริษัทต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นบริษัท GEICO ประกันภัยรถยนต์ที่ใหญ่เป็นอันดับสองในสหรัฐ , Duracell ผู้ผลิตแบตเตอรี่, Kraft Heinz เจ้าของซอสมะเขือเทศ Heinz รวมถึงได้เป็นหุ้นส่วนใหญ่ในบริษัทบัตรเครดิต American Express, น้ำอัดลม Coca-Cola, และบริษัทน้ำมัน Chevron

ถอดรหัส ‘คำสอน’ ปู่วอร์เรน บัฟเฟตต์ ประจำปี 2023

- บัฟเฟตต์พร้อมคู่หูของเขา ชาร์ลี มังเกอร์ (เครดิต: AFP) -

แก่นสำคัญของยุทธศาสตร์ Berkshire คือ “เลือกบริษัทที่มีคุณภาพ ในราคาต่ำกว่าความเป็นจริง และถือหุ้นบริษัทนั้นให้นานหลายสิบปี เสมือนเป็นเจ้าของ”

ในฐานะนักลงทุน คุณอาจกังวลเกี่ยวกับพอร์ตหุ้นขณะนี้ โดยเฉพาะเมื่อหุ้นร่วง 20% เมื่อปีที่แล้ว แต่ปู่บัฟเฟตต์บอกว่า ตัวเขา และชาร์ลี มังเกอร์ ผู้ร่วมสร้างอาณาจักร Berkshire Hathaway มีความเชื่อมั่นใน อานุภาพแห่ง “แรงลมส่ง” ของอเมริกา (American Tailwind) ที่เป็นแรงขับเคลื่อนให้อเมริกาผ่านพ้นความท้าทายต่าง ๆ ได้ 

“ผมลงทุนในอเมริกามาตลอด 80 ปี มากกว่า 1 ใน 3 ของอายุประเทศ ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย ไม่ว่าผู้คนจะมองอเมริกาอย่างไร จะชอบ รู้สึกตื่นเต้น สงสัย หรือวิจารณ์ แต่สำหรับผมแล้ว มันสมเหตุสมผลที่จะลงทุนระยะยาวกับประเทศนี้”

คำว่า “แรงลมส่งแห่งอเมริกา” ที่บัฟเฟตต์หมายถึง คือ นวัตกรรมที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และคุณค่าของอเมริกา โดยเขาจะเลือกบริษัทที่สามารถผ่านพ้นสึนามิทางเศรษฐกิจได้ และด้วยความเชื่อมั่นที่มีต่อประเทศนี้ ปู่บัฟเฟตต์จึงมั่นใจว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นกลับคืนมาได้ บริษัทอเมริกาจะเติบโตก้าวหน้า

 

2. ให้ระมัดระวังบริษัทขายฝัน

แม้ว่าบริษัท Berkshire เองก็พบสถานการณ์ที่หนักหน่วงจากตลาดสุดเหวี่ยงปี 2022 แต่บัฟเฟตต์ยืนยันว่า นี่คือปีที่ดีของบริษัท โดยมีกำไรจากการดำเนินงาน (Operating Earning) ทุบสถิติที่ 30,800 ล้านดอลลาร์ (ไม่รวมกำไร-ขาดทุนจากพอร์ตหุ้น)

อย่างไรก็ตาม ในส่วนรายการที่รายงานตามมาตรฐานบัญชี (GAAP) อย่างกำไรสุทธิ รายได้ กำไรจากการดำเนินงาน แสดงผลขาดทุน 22,800 ล้านดอลลาร์เมื่อปีที่แล้วนั้น

ปู่บัฟเฟตต์ระบุว่า กำไรที่รายงานตามมาตรฐานบัญชีนี้ สามารถสร้างความเข้าใจผิดแก่นักลงทุนได้ เพราะเป็นการดูที่ความผันผวนระยะสั้น ไตรมาสต่อไตรมาส

“ในระยะสั้น ราคาหุ้นย่อมผันผวนตามตลาด แต่ในระยะยาว ราคาหุ้นย่อมเป็นไปตามผลประกอบการ”

ทั้งนี้ หนึ่งในหลักการซื้อหุ้นของปู่บัฟเฟตต์ คือ จะไม่ซื้อหุ้นที่ราคา แต่จะยึดที่คุณค่าธุรกิจมากกว่า ไม่ใส่ใจความผันผวนระยะสั้น และไม่พนันกับบริษัทสตาร์ทอัพ หรือบริษัท IPO ตามกระแส

สิ่งที่ปู่พยายามจะสื่อออกมาคือ เวลาที่ตัวเขาซื้อหุ้น ไม่ได้ซื้อเพื่อคิดว่าจะขายออกหรือเข้าอีกเมื่อไร แต่จะมองว่าเป็นการซื้อตัวธุรกิจ ที่สามารถเติบโตในระยะยาว

บัฟเฟตต์ยังเคยกล่าวอีกด้วยว่า “ระยะเวลาการถือหุ้น” ที่ตัวเขาชอบที่สุดก็คือ “ถือตลอดไป” ซึ่งหุ้นเก่าแก่ที่บัฟเฟตต์ยังคงถือ คือ Coca-Cola ปู่ซื้อในปี 1988 และยังคงถือจนถึงทุกวันนี้

จากรายงานบริษัท Berkshire ปี 2022 ระบุว่า บริษัทมีกำไรทบต้นต่อปีที่ 19.8% ตั้งแต่ปี 1965 ถึงปี 2022 เทียบกับผลตอบแทนดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐ S&P 500 ที่ 9.9% โดยช่วงดังกล่าว Berkshire ได้ผลตอบแทนโดยรวม 3,787,464% ขณะที่ดัชนี S&P เพิ่มขึ้นเพียง 24,708%

ถอดรหัส ‘คำสอน’ ปู่วอร์เรน บัฟเฟตต์ ประจำปี 2023

- บัฟเฟตต์พร้อมโค้ก เครื่องดื่มโปรดของเขา (เครดิต: AFP) -

3. โอกาสซื้อหุ้นอาจกำลังใกล้เข้ามา

บัฟเฟตต์มักมีวรรคทองที่กล่าวว่า “จงกลัวเมื่อคนอื่นโลภ และจงโลภเมื่อคนอื่นกลัว!” หมายถึงในขณะที่ผู้คนถอนตัวจากตลาดหมี เลิกเล่นหุ้น แต่ช่วงนี้กลับเป็นเวลาเข้าช้อปปิ้งของปู่บัฟเฟตต์แทน

ตัวอย่างล่าสุดคือ หุ้นบริษัทเทคโนโลยีมีผลประกอบการที่แย่ตลอดปีที่แล้ว จากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ขึ้นดอกเบี้ย และถอนสภาพคล่อง แต่บัฟเฟตต์กลับสวนตลาด เลือกซื้อหุ้น Apple เพิ่ม จนกลายเป็นหุ้นที่มีสัดส่วนใหญ่ที่สุดในพอร์ต Berkshire

อย่างไรก็ตาม แม้ช่วงตลาดที่เต็มไปด้วยกองเลือดจะเป็นโอกาสซื้อหุ้น แต่บัฟเฟตต์ก็มักย้ำเสมอว่า บริษัท Berkshire ยังคงถือเงินสดปริมาณมากอยู่

 

4. สูตรลับซอสลงทุนจากบัฟเฟตต์

ปู่มักจะเน้นย้ำถึง “ความสำคัญของความอดทน” ท่ามกลางตลาดที่เหวี่ยงรุนแรง และความหวาดกลัวแผ่ปกคลุมไปทั่ว

ความอดทนจะทำให้เราได้พลังของกำไรทบต้น

ยกตัวอย่างเช่น บัฟเฟตต์ซื้อหุ้นบริษัท Coca Cola และ American Express ที่บริษัทละ 1,300 ล้านดอลลาร์เมื่อ 30 ปีที่แล้ว และวันนี้ การลงทุนในหุ้น Coke และ American Express ก็ได้งอกเงยเป็นมูลค่าสูงถึง 25,000 ล้านดอลลาร์ และ 22,000 ล้านดอลลาร์ตามลำดับ ยิ่งไปกว่านั้น บริษัท Berkshire ยังได้เงินปันผลมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ด้วย

เงินปันผลที่ได้นี้ สามารถนำมาลงทุนใหม่อีกครั้ง เพิ่มพลังผลตอบแทนหุ้นเป็นทวีคูณ

การจะถือหุ้นระยะยาวได้สำเร็จ จึงจำเป็นต้องมีความอดทน และวิสัยทัศน์อันยาวไกล

ในจดหมายปู่สะท้อนไว้ว่า “คำสอนสำหรับนักลงทุนคือ วัชพืชจะค่อย ๆ เหี่ยวเฉาไปพร้อม ๆ กับดอกไม้ที่เบิกบานขึ้นมาแทน

ในระยะยาว จะเหลือนักลงทุนจำนวนน้อยที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งการจะไปถึงจุดนั้นได้ก็คือ เริ่มต้นลงทุนตั้งแต่อายุยังน้อย และถือหุ้นที่ดี และถูกในระยะยาว คล้ายปู่ที่ถือหุ้นมาตลอดอายุ 90 ปี”

 

อ้างอิง: finance.yahoo