เลือกตั้ง 'อินเดีย' เกมพลิก ต่างชาติเทขายวันเดียว 5 หมื่นล้าน

รอยเตอร์สรายงานว่านักลงทุนสถาบันต่างชาติ (FII) ได้ขายสุทธิ 2 ดัชนีหลักในตลาดหุ้นอินเดียคือ Nifty 50 และ Sensex รวมกันสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 1.24 แสนล้านรูปี (เกือบ 5.5 หมื่นล้านบาท) เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. หลังจากผลการเลือกตั้งซึ่งยังนับคะแนนไม่เสร็จก่อนตลาดหุ้นปิด ส่งสัญญาณว่าพรรคของนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี อาจจะไม่ชนะด้วยเสียงส่วนใหญ่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการจัดตั้งรัฐบาลและผลักดันการปฏิรูปนโยบายตามมา 

เมื่อวานนี้ ดัชนีหลักตลาดหุ้นปิดเดียปิดตลาดแย่ที่สุดในรอบ 4 ปี โดยดัชนี Nifty 50 ปิดตลาดลบไป 1,379 จุด หรือ 5.93% ปิดที่ 21,884.50 จุด ขณะที่ดัชนี Sensex ปิดลบ 4,390 จุด หรือ 5.74% ปิดที่ 72,079.05 จุด ซึ่งถือเป็นผลงานที่แย่ที่สุดในรอบกว่า 4 ปีนับตั้งแต่ช่วงการระบาดของโควิด  

การขายสุทธิของนักลงทุนสถาบันต่างชาติเมื่อวานนี้ ยังทำสถิติใหม่แซงหน้าสถิติเดิม 1.05 แสนล้านรูปี เมื่อวันที่ 17 ม.ค. 2567 อีกด้วย 

ขณะที่บลูมเบิร์กรายงานว่าผลการเลือกตั้งที่พลิกเกมจนเกิดแรงเทขายในตลาดหุ้นอินเดียอย่างหนักนั้น ยังทำให้มูลค่าตลาดหายวับไปถึง 3.86 แสนล้านดอลลาร์ (กว่า 14 ล้านล้านบาท) และต้องจับตาการเปิดตลาดในวันนี้ (5 มิ.ย.) อย่างใกล้ชิด

ทั้งนี้เป็นที่คาดว่า พรรคภารติย ชนตะ (BJP) ของนายกรัฐมนตรีโมดี ชนะการเลือกตั้งครั้งล่าสุด แต่ไม่สามารถคว้าที่นั่งส่วนใหญ่ (272) จากทั้งหมด 543 ที่นั่งในสภาได้ โดยผลการนับคะแนนล่าสุดอย่างไม่เป็นทางการพบว่าชนะไปเพียง 240 ที่นั่งเท่านั้น หรือ "น้อยลง" เมื่อเทียบกับการเลือกตั้งครั้งก่อนถึง 60 ที่นั่ง ซึ่งต่างจากที่นักวิเคราะห์หลายฝ่ายเคยคาดการณ์กันเอาไว้ว่ารัฐบาลน่าจะชนะมากกว่า 300 ที่นั่งขึ้นไป 

"ถ้าพรรค BJB ไม่ได้เสียงส่วนใหญ่ อำนาจต่อรองก็จะเปลี่ยนไปอยู่ในมือของกลุ่มอื่นในแนวร่วมรัฐบาล และสถานการณ์ตลาดน่าจะตอบรับเชิงลบเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนที่เต็มไปด้วยความคาดหวังสูง " สุนิล ธิรุมาลัย นักกลยุทธ์จากธนาคารยูบีเอส กรุ๊ปกล่าว