หุ้นสหรัฐปิดบวกต่อเนื่อง S&P 500 ทุบสถิติใหม่ปิดเหนือ 5,500 จุด

หุ้นสหรัฐปิดบวกต่อเนื่อง S&P 500 ทุบสถิติใหม่ปิดเหนือ 5,500 จุด

ตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกต่อเนื่อง ดัชนี S&P 500 ปิดเหนือระดับ 5,500 จุดได้เป็นครั้งแรก จับมือ NASDAQ ปิดทุบสถิติใหม่รับอานิสงส์หุ้นเมกะแคป ขณะที่หุ้น 'เทสลา' ทะยาน 10%

ตลาดหุ้นสหรัฐ เมื่อวันอังคารที่ 2 ก.ค.67 ปิดบวกต่อเนื่องเป็นวันที่สอง ดัชนี S&P 500 ทุบสถิติใหม่เป็นครั้งที่ 32 ในปีนี้ ปิดเหนือระดับ 5,500 จุดได้เป็นครั้งแรก เช่นเดียวกับ NASDAQ ที่ปิดทุบสถิติใหม่ จากแรงหนุนหุ้น 'เทสลา' ที่บวกกว่า 10% รับข่าวดียอดส่งมอบรถไตรมาส 2 สูงเกินคาด และหุ้นกลุ่มเมกะแคปที่ปรับตัวขึ้น แต่วอลุ่มการเทรดยังเบาบางก่อนวันชาติ 4 ก.ค.67 ขณะที่นักลงทุนจับตาการจ้างงานนอกภาคเกษตรวันศุกร์นี้

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones) เพิ่มขึ้น 162.33 จุด หรือ +0.41% ปิดที่ 39,331.85 จุด 
  • ดัชนีเอสแอนด์พี 500 (S&P 500) เพิ่มขึ้น 33.92 จุด หรือ +0.62% ปิดที่ 5,509.01 จุด (สถิติใหม่)
  • ดัชนีแนสแด็ก คอมโพสิต (Nasdaq) เพิ่มขึ้น 149.46 จุด หรือ +0.84% ปิดที่ 18,028.76 จุด (สถิติใหม่) 

ราคาหุ้นเทสลา (Tesla) ทะยานขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. ปีนี้ โดยปิดบวกไปถึง 10.2% อยู่ที่ 231.26 จุด จากข่าวดีที่บริษัทเปิดเผยยอดการผลิตรถยนต์สูงกว่าคาดในไตรมาส 2/2567 อยู่ที่ระดับ 410,831 คัน และมียอดการส่งมอบรถยนต์อยู่ที่ระดับ 443,956 คัน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 439,000 คัน และสูงกว่าไตรมาส 1 ซึ่งอยู่ที่ 386,810 คัน

หุ้น 9 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย และกลุ่มการเงิน พุ่งขึ้น 1.81% และ 1.10% ตามลำดับ ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ และกลุ่มพลังงานปรับตัวลงมากที่สุด โดยลดลง 0.40% และ 0.20% ตามลำดับ

หุ้นบริษัทเทคโนโลยีที่มีทุนจดทะเบียนสูงปิดตลาดพุ่งขึ้น หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐชะลอตัวลง โดยหุ้นแอปเปิ้ล ดีดตัวขึ้น 1.6% หุ้นอะเมซอน พุ่งขึ้น 1.4% หุ้นอัลฟาเบท บวก 1.1% หุ้นเมตา แพลต ฟอร์ม บวก 1%

เจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวแสดงความพอใจต่อความคืบหน้าเกี่ยวกับเงินเฟ้อในช่วงปีที่ผ่านมา แต่ระบุด้วยว่ายังต้องการเห็นความคืบหน้ามากขึ้น ก่อนที่จะมีความมั่นใจเพียงพอในการเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ย

"เรามีความคืบหน้าเป็นอย่างมากในการทำให้เงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมายของเรา โดยตัวเลขเงินเฟ้อล่าสุด และครั้งก่อนหน้าบ่งชี้ว่าเราได้กลับสู่เส้นทางในการทำให้เงินเฟ้อลดลงแล้ว"

"แต่เราต้องการมีความมั่นใจมากขึ้นว่าเงินเฟ้อกำลังปรับตัวลงสู่ระดับ 2% อย่างยั่งยืน ก่อนที่เราจะเริ่มต้นกระบวนการในการผ่อนคลายนโยบายการเงิน" พาวเวล กล่าวในงานเสวนาที่จัดขึ้นวานนี้โดยธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่เมืองซินตรา ประเทศโปรตุเกส

พาวเวลยังระบุว่า "เราตระหนักดีว่า หากเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยเร็วเกินไป เราก็อาจจะทำลายผลงานที่ดีที่เราได้ทำมา แต่ถ้าเราปรับลดอัตราดอกเบี้ยช้าเกินไป สิ่งนี้ก็อาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัว และการขยายตัวของเศรษฐกิจ"

สำหรับคำถามที่ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย. หรือไม่นั้น พาวเวลตอบว่า "ผมจะไม่กล่าวถึงกำหนดวันที่เฉพาะเจาะจงที่นี่ในวันนี้"

ทั้งนี้ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่านักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ โดยปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนก.ย. และปรับลดอีกครั้งในเดือนธ.ค. แม้ว่ารายงานคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) ในการประชุมเฟดบ่งชี้ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้งในปีนี้

ทางด้านสำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงาน และอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน เพิ่มขึ้น 221,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 8.14 ล้านตำแหน่งในเดือนพ.ค. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 7.96 ล้านตำแหน่ง จากระดับ 7.92 ล้านตำแหน่งในเดือนเม.ย.

อัตราการเปิดรับสมัครงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.9% ในเดือนพ.ค. ตัวเลขการจ้างงานใหม่เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 5.8 ล้านตำแหน่ง ส่วนอัตราการจ้างงานอยู่ที่ระดับ 3.6% 

ขณะที่ตัวเลขการปลดออกจากงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.65 ล้านตำแหน่ง ส่วนจำนวนคนลาออกจากงานโดยสมัครใจเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 3.51 ล้านตำแหน่งในเดือนเม.ย. ขณะที่อัตราคนลาออกจากงานโดยสมัครใจอยู่ที่ระดับ 2.2%

ทั้งนี้ ตัวเลข JOLTS นับเป็นข้อมูลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสนใจ โดยมองว่าเป็นมาตรวัดภาวะตึงตัวในตลาดแรงงาน ซึ่งเป็นปัจจัยในการพิจารณานโยบายการเงิน และอัตราดอกเบี้ยของเฟด

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์   ศิลาวงษ์