ตลาดหุ้นสหรัฐร่วง หุ้นกลุ่มเทคฉุดก่อนเผยผลประกอบการ Nvidia

ตลาดหุ้นสหรัฐร่วง หุ้นกลุ่มเทคฉุดก่อนเผยผลประกอบการ Nvidia

ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงแผง ดาวโจนส์ปิดลบ 159.08 จุด ก่อนยักษ์เอไอ Nvidia เผยผลประกอบการ ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี - สินค้าฟุ่มเฟือยตัวฉุดร่วงกว่า 1%

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันพุธ (28 ส.ค.67) ก่อนการรายงานผลประกอบการของบริษัทอินวิเดีย (Nvidia) ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปปัญญาประดิษฐ์ (AI) รายใหญ่ของสหรัฐ โดยนักลงทุนจับตาข้อมูลของอินวิเดียอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินว่ากระแสความนิยม AI จะยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนตลาดได้ต่อไปหรือไม่

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 41,091.42 จุด ลดลง 159.08 จุด หรือ -0.39%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,592.18 จุด ลดลง 33.62 จุด หรือ -0.60%
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,556.03 จุด ลดลง 198.79 จุด หรือ -1.12%

หุ้นอินวิเดีย ร่วงลง 2.1% ก่อนที่บริษัทจะเปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาส 2/2567 หลังจากตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำการ ขณะที่หุ้นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่รายอื่นๆ ปรับตัวลงเช่นกัน ซึ่งรวมถึงหุ้นอะเมซอน (Amazon), อัลฟาเบท (Alphabet) และไมโครซอฟท์ (Microsoft)

อาร์ท โฮแกน หัวหน้านักกลยุทธ์ด้านการตลาดจากบริษัท B. Riley Wealth Management กล่าวว่า นอกเหนือจากผลประกอบการไตรมาส 2 แล้ว นักลงทุนยังรอดูตัวเลขคาดการณ์ผลประกอบการในไตรมาส 3 ของอินวิเดีย รวมทั้งความชัดเจนเกี่ยวกับกำหนดการส่งมอบชิปแบล็คเวลล์ (Blackwell) ซึ่งเป็นชิป AI รุ่นเรือธงของอินวิเดีย และรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับอุปสงค์ชิป AI ของบริษัท โดยนักลงทุนมองว่าข้อมูลเหล่านี้ถือเป็นมาตรวัดผลงานของบริษัทในกลุ่มเทคโนโลยี และแนวโน้มของธุรกิจ AI

ทั้งนี้ อินวิเดียประกาศเปิดตัวชิปแบล็คเวลล์ ในงาน "GTC 2024" เมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา โดยระบุว่าชิปรุ่นนี้สามารถประมวลผลเร็วขึ้นถึง 30 เท่า และอินวิเดียเชื่อมั่นว่าลูกค้ารายใหญ่ของบริษัท ซึ่งรวมถึงกูเกิล (Google) และโอเพนเอไอ (OpenAI) จะใช้ชิปรุ่นใหม่นี้ในการให้บริการคลาวด์คอมพิวติง และบริการด้าน AI ที่บริษัทเหล่านี้กำลังให้บริการอยู่

หุ้น 9 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง 1.3% ตามด้วยดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยร่วงลง 1.05% ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มการเงินปรับตัวขึ้นมากที่สุด โดยเพิ่มขึ้น 0.30% ตามด้วยดัชนีหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ดีดตัวขึ้น 0.12%

หุ้นซูเปอร์ ไมโคร คอมพิวเตอร์ (Super Micro Computer) ซึ่งเป็นผู้ผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI ดิ่งลง 19% หลังจากบริษัทประกาศว่าจะเลื่อนการยื่นรายงานผลประกอบการประจำปีงบการเงินที่สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิ.ย.2567 หลังจากบริษัทฮินเดนเบิร์ก รีเสิร์ช (Hindenburg Research) ซึ่งเป็นบริษัทด้านการลงทุนของสหรัฐ เปิดเผยสถานะขาย (short position) ในซูเปอร์ ไมโคร คอมพิวเตอร์

หุ้นบริษัทผลิตชิปรายอื่นๆ ร่วงลงเช่นกัน โดยหุ้นบรอดคอม (Broadcom) และหุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ (AMD) ต่างก็ร่วงลงกว่า 2%

หุ้นบริษัทเบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ (Berkshire Hathaway) ของวอร์เรน บัฟเฟตต์ ปรับตัวขึ้น 0.9% ส่งผลให้มาร์เก็ตแคปของเบิร์กเชียร์พุ่งทะลุระดับ 1 ล้านล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรก

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ประจำเดือนก.ค.ของสหรัฐ ในวันศุกร์นี้ เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้า และบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)

 

 


พิสูจน์อักษร....สุรีย์   ศิลาวงษ์