แบงก์ชาติจีนงัดเครื่องมือใหม่ ‘Reverse Repo’ รักษาสภาพคล่องในตลาด

แบงก์ชาติจีนงัดเครื่องมือใหม่ ‘Reverse Repo’ รักษาสภาพคล่องในตลาด

‘ธนาคารกลางจีน’ ออกเครื่องมือใหม่ธุรกรรม Reverse Repo รักษาระดับสภาพคล่องในระบบธนาคารให้เหมาะสม คาดรองรับการออกพันธบัตรเพิ่มกระตุ้นเศรษฐกิจ

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า “ธนาคารกลางจีน” (PBOC) ได้ออกกลไกทางการเงินใหม่เป็นธุรกรรม Reverse Repo (Reverse Repurchase Agreement: RRP) หรือ การขายหลักทรัพย์โดยมีสัญญาว่าจะซื้อคืน เพื่อให้สามารถควบคุมปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

รายงานระบุว่า แบงก์ชาติจีน จะทำธุรกรรม Reverse Repo กับสถาบันการเงินหลัก (Primary dealer) เป็นประจำรายเดือน เพื่อ “รักษาระดับสภาพคล่อง” ในระบบธนาคารให้เหมาะสม โดยมีกำหนดระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี โดยหลักทรัพย์เหล่านี้จะรวมถึงพันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรรัฐบาลท้องถิ่น และหนี้สินของบริษัทตามที่ธนาคารกลางจีนระบุ

ปัจจุบัน จีนมีกลไกธุรกรรมซื้อคืน (Repo) อยู่ก่อนแล้ว โดยเป็นสัญญาซื้อหลักทรัพย์พร้อมข้อตกลงขายคืนในเวลาที่กำหนดกับสถาบันการเงินหลัก หรือเป็นรูปแบบหนึ่งของการกู้ยืมระยะสั้นที่ใช้ในตลาดการเงิน เทียบเท่าได้กับการอัดฉีดสภาพคล่อง ในขณะที่ Reverse repo เปรียบเสมือนการดึงเงินกลับ ซึ่งเป็นกลไกที่ใช้รักษาสภาพคล่องในตลาดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม 

เบ็คกี หลิว หัวหน้ากลยุทธ์มหภาคของจีนที่ธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เติร์ด ในฮ่องกงกล่าวว่า เครื่องมือใหม่นี้มีแนวโน้มที่จะช่วยเพิ่มสภาพคล่องระยะยาวให้กับตลาดธนาคาร และอาจช่วยรองรับการออกพันธบัตรจากจีนที่จะเพิ่มขึ้น

ที่ผ่านมา ตัวชี้วัดตลาดการเงินกำลังส่งสัญญาณว่า ธนาคารและสถาบันการเงินนอกระบบของจีนยังคงเผชิญกับความตึงเครียดด้านสภาพคล่อง และยังรอคอยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่อาจเกี่ยวข้องกับการกู้ยืมเพิ่มเติมของรัฐบาล

ในการรักษาสภาพคล่องในตลาดให้เพียงพอ เป็นสิ่งสำคัญในการพยุงเศรษฐกิจ ซึ่งได้รับผลกระทบจากความต้องการภายในประเทศที่อ่อนแอและวิกฤติอสังหาริมทรัพย์ที่ยืดเยื้อ รัฐบาลจีนจึงงัดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ตั้งแต่ปลายเดือนกันยายน รวมถึงการลดอัตราดอกเบี้ยและปริมาณเงินสดที่ธนาคารต้องสำรองไว้

เป็นที่คาดว่า รัฐบาลจีนจะอนุญาตให้รัฐบาลท้องถิ่นออกพันธบัตรเพิ่มเติมเพื่อรีไฟแนนซ์หนี้นอกงบดุล และรัฐบาลกลางอาจขายตราสารหนี้จากกระทรวงการคลังเพิ่มเติม เพื่อสนับสนุนการใช้จ่ายมากขึ้น


อ้างอิง: bloomberg