ราคาทองบวกเล็กน้อย 2.80 ดอลลาร์ หลังร่วงเฉียดร้อยวันก่อน
ราคาทองฟิวเจอร์ปิดบวก 0.1% รับแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยขยับเล็กน้อย หลังเพิ่งร่วงหนักเกือบ 100 ดอลลาร์เมื่อวันจันทร์
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร (26 พ.ย.) เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับสงครามในยูเครนและข่าวโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่เรียกเก็บภาษีการค้าจากเม็กซิโก แคนาดา และจีน เป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 2.80 ดอลลาร์ หรือ 0.10% ปิดที่ 2,621.30 ดอลลาร์/ออนซ์
ทั้งนี้เมื่อวันจันทร์ที่ 25 พ.ย. สัญญาทองคำตลาด COMEX ดิ่งลงหนักถึง 93.70 ดอลลาร์ หรือ 3.45% ปิดที่ 2,618.50 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นการปรับตัวลงในวันเดียวที่มากที่สุดในรอบ 4 ปี รับข่าวที่อิสราเอลและกลุ่มฮิซบอลเลาะห์บรรลุข้อตกลงหยุดยิงกันได้
ปีเตอร์ แกรนท์ นักกลยุทธ์ด้านการซื้อขายโลหะจากบริษัท Zaner Metals กล่าวว่า แม้ข่าวการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนอาจจะทำให้ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ลดน้อยลง แต่ความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนที่มีแนวโน้มลุกลามบานปลายนั้น ยังคงเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดยเขาคาดว่าในระยะใกล้นี้ ราคาทองคำจะเคลื่อนไหวในกรอบ 2,575 - 2,750 ดอลลาร์
ทางด้านอังเกลา แมร์เคิล อดีตนายกรัฐมนตรีเยอรมนีได้ออกมาเตือนถึงแสนยานุภาพทางทหารของรัสเซีย และแนะนำว่าทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งในยูเครนต้องทำทุกวิถีทางเพื่อป้องกันไม่ให้มีการใช้อาวุธนิวเคลียร์
นอกจากนี้ นักลงทุนยังเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐประกาศว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าทุกประเภทจากเม็กซิโกและแคนาดาในอัตรา 25% เมื่อเขาเข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 ม.ค. 2568 และจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มอีก 10%