HARN กำไรใน 1H65 คิดเป็น 46% ของประมาณการกำไรปี 65
รายงานกำไรสุทธิงวด 2Q65 ที่ 22.9 ลบ. เติบโต 26.6%YoY และ 42.2%QoQ: บริษัทมีรายได้จากการขายและบริการ 300.5 ล้านบาท เติบโต 15.7%YoY และ 3.6%QoQ จากการทยอยส่งมอบงาน จากยอดคำสั่งซื้อค้างส่งจากปี 64 ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 มีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่อง
ทำให้บริษัทสามารถส่งมอบงานได้ตามกำหนด บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้น 29.7% ลดลงจากระดับ 31.4% ใน 2Q64 แต่เพิ่มขึ้นจากระดับ 26.6% ใน 1Q65 สาเหตุหลักมาจากเงินบาทอ่อนค่า และค่าระวางที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้บริษัทในฐานะผู้นำเข้าสินค้ามาจำหน่าย มีอัตรากำไรขั้นต้นลดลง YoY ทั้งนี้บริษัทมีกำไรสุทธิงวด 2Q65 เท่ากับ 22.9 ลบ. คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ 7.6% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 6.8% ใน 2Q64 และ 5.4% ใน 1Q65 ด้านฐานะการเงินยังคงแข็งแกร่ง อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E) ที่ระดับ 0.30 เท่า อยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ระดับ 0.55 เท่า และมีสภาพคล่องรองรับการลงทุนเพิ่มโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเงินกู้
• คงประมาณการกำไรสุทธิปี 65 ที่ 85 ลบ. เติบโต 17%YoY: เราคาดการณ์รายได้ และกำไรสุทธิปี 65 ที่ 1,180 ลบ. และ 85 ลบ. เติบโต 15% และ 17% จากปี 64 โดยรายได้ และกำไรในช่วง 1H65 คิดเป็น 50% และ46% ของประมาณการกำไรปี 65 ส่วนรายได้ในงวด 3Q65 คาดอยู่บริเวณ 300-315 ลบ.ทรงตัว QoQ แต่เติบโต 28-34%YoY จากฐานต่ำใน 3Q64 ณ สิ้นเดือน มิ.ย. 65 มี backlog 416 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นเล็กน้อย เทียบกับงวดเดือน มี.ค. 65 ที่ 404 ล้านบาท) ซึ่งจะทยอยรับรู้ในช่วงที่เหลือของปี 65 จนถึงปี 66 ทั้งนี้ปัจจัยสนับสนุนมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ การเปิดประเทศ ทำให้งานก่อสร้างในประเทศกลับมาคึกคัก พร้อมทั้งการติดตั้งระบบและอุปกรณ์ดับเพลิงที่ผู้คนจะตระหนักถึงความปลอดภัยมากขึ้น ซึ่งบริษัทได้รับงานติดตั้งระบบดับเพลิงจากโครงการใหม่ๆ เช่น โครงการ One Bangkok, The Forestias ผลิตภัณฑ์ของบริษัทสามารถจำแนกได้ 5 กลุ่มดังต่อไปนี้ (ดังแสดงในภาพโครงสร้างรายได้ 6M65)
o ผลิตภัณฑ์งานขายและติดตั้งอุปกรณ์ดับเพลิงทั้งในอาคารสำนักงาน อาคารพักอาศัยและโรงงานอุตสาหกรรม (สัดส่วน 44% ของรายได้รวม)
o ผลิตภัณฑ์ระบบปรับอากาศ (สัดส่วน 4%ของรายได้รวม) VRF ที่เป็นที่นิยม จุดเด่นคือประหยัดพลังงาน
o ระบบทำความเย็น (สัดส่วน 19%ของรายได้รวม) HARN เป็นผู้จำหน่ายอุปกรณ์เครื่องทำความเย็น รวมถึงออกแบบและให้คำปรึกษาระบบทำความเย็น
o ธุรกิจผลิตภัณฑ์การพิมพ์ดิจิทัล (สัดส่วน 30%ของรายได้รวม) ซึ่งใช้เทคโนโลยีการพิมพ์เลเบิล สติ๊กเกอร์
o ผลิตภัณฑ์ระบบไอโอที (IoT) (สัดส่วน 0.53%ของรายได้รวม) ใช้สำหรับติดตั้งตามอาคารเพื่อติดตามการทำงานของระบบพื้นฐานของงานอาคารจากส่วนกลาง เช่นติดตามการใช้พลังงานในอาคาร การแจ้งเตือนความผิดปกติเสียหายของระบบผ่านหน้าจอแสดงผล (Monitoring Dashboard)
• คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสมเท่ากับ 2.66 บาทสำหรับปี 65: ฝ่ายวิจัยมีมุมมองบวกต่อปัจจัยพื้นฐานในระยะยาวจากผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลาย และเป็นสินค้าที่จำเป็นในอาคารและโรงงาน ซึ่งอิงประมาณกำไรต่อหุ้นปี 65 ที่ 0.145 บาท และ Prospective P/E ที่ระดับเดิม 18.34 เท่า (อิง PER ย้อนหลัง 5 ปีของบริษัทที่ระดับ +0.25SD) ทั้งนี้ราคาเหมาะสมมีอัพไซต์จากราคาปัจจุบันราว 26.5% ขณะที่คาดการณ์อัตราผลตอบแทนเงินปันผล (Dividend Yield) ในอนาคตราว 4.9% ต่อปี เราจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”