SFLEX ผลประกอบการจะผ่านจุดต่ำสุดใน 2Q

SFLEX ผลประกอบการจะผ่านจุดต่ำสุดใน 2Q

SFLEX จัด Non-Deal Roadshow เมื่อวันที่ 22 กันยายน - SFLEX ผลิตและจัดจำหน่ายบรรจุภัณฑ์ชนิดยืดหยุ่น (flexible packaging) ที่มีคุณภาพ โดยรายได้หลักมาจากบรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนถึง 75%-80%

ในขณะที่บรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าอาหารคิดเป็นสัดส่วน  20%-25%

 

ผลประกอบการใน FY23F จะกลับมาอยู่ระดับปกติ 

เราคาดว่าผลประกอบการในปีหน้าจะได้แรงหนุนจาก 1) ยอดขายที่เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจไทย เนื่องจากลูกค้าของบริษัทเป็นผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคที่ส่วนใหญ่เป็นสินค้าจำเป็น 2) ต้นทุนวัตถุดิบมีแนงโน้มลดลงตามราคาน้ำมัน 

โดย SFLEX มีสมมติฐานราคาน้ำมัน Brent ในปี FY23F ที่ USD90/barrel และ 3) ได้ปรับผลกระทบเต็มปีจากการขึ้นราคาขายสินค้า คาดกำไรสุทธิในปี FY23F จะฟื้นตัวขึ้นเป็นกว่า 100 ล้านบาท และจะฟื้นตัวต่อเนื่องอีกในปี 2024

 

มี Upside จาก JV และดีล M&A 

บริษัทเข้าไปลงทุน 50% ใน JV ร่วมกับ Thai Union Graphic Co., Ltd. (TUG) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ Thai Union Group PLC (TU) ที่ปัจจุบันใช้บรรจุภัณฑ์อ่อนตัว (flexible packaging) คิดเป็นมูลค่าถึงปีละ 2.0 พันล้านบาท SFLEX คาดว่า JV ที่ตั้งร่วมกับ TUG จะสร้างรายได้ประมาณ 200 ล้านบาทในปี 2024 และน่าจะบันทึกส่วนแบ่งกำไรได้ 10 ล้านบาท ในขณะเดียวกัน ยอดขายที่ขายให้กับ TU น่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็น 500-600 ล้านบาทในอีกสามปีข้างหน้า นอกจากนี้ SFLEX ยังมีแผนจะเข้าลงทุนในดีล M&A ในประเทศเวียดนามเพิ่มอีก โดยบริษัทเป้าหมายเป็นบริษัทที่ผลิตบรรจุภัณฑ์กระดาษที่มีคุณภาพ และคาดว่าจะช่วยสร้างการเติบโตแบบ inorganic อย่างมีนัยสำคัญให้กับบริษัทในปี 2024

 

 

ผลประกอบการจะดีขึ้น qoq ตั้งแต่ 2Q เป็นต้นไป

เราคาดว่าผลประกอบการ 3Q จะดีขึ้น qoq เนื่องจาก (1) ต้นทุนวัตถุดิบลดลง และ (2) การปรับราคาขาย ทั้งนี้การผลิตใน 3Q บริษัทยังคงต้องใช้วัตถุดิบที่มีต้นทุนสูงบางส่วนที่เหลือค้างมาจาก 2Q ดังนั้น ผลประกอบการใน  4Q จึงน่าจะดีขึ้นอีก qoq เพราะได้รับผลเต็มที่จากต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง

 

ราคาเป้าหมาย IAA consensus ของ SFLEX อยู่ที่ 3.41 บาท (แนะนำซื้อ/ ถือ / ขาย 1  / 1 / 1)