ยังเน้นเลือกรายตัว ขณะที่ตลาดอาจผันผวนจากปัจจัยต่างๆก่อนการประชุมเฟด
ภาพรวมการลงทุนยังมีโอกาสผันผวนจากปัจจัยต่างๆ โดยเฉพาะจากความกังวลเกี่ยวกับอัตราการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ หลังกรรมการเฟดหลายท่านส่งสัญญาณยืนยันถึงทิศทางการขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง
ขณะที่คาดการณ์ของตลาด เริ่มมองอัตราดอกเบี้ยสูงสุด (Terminal rate) ของการปรับขึ้นรอบนี้ไปที่ 5% ในช่วง พ.ค.66 ขณะที่การรายงานตัวเลข GDP ไตรมาส 3/65 ในวันที่ 27 ต.ค. อาจจะสูงถึง 2.90% (อิง เครื่องมือ GDP Now ของ Fed Atlanta) ซึ่งจะสูงกว่าคาดการณ์ของ Bloomberg concensus ที่ 2.3% ซึ่งสถานการณ์ความกังวลน่าจะคงอยู่ไปจนการประชุมเฟด 2 พ.ย. อย่างไรก็ตามปัจจัยบวกในภาพตลาดเงินตลาดทุนต่างประเทศ คือการที่ผลตอบแทนพันธบัตรอังกฤษ 30 ปี ปรับลดลงกลับลงมาต่ำกว่า 4% ในช่วงเช้าวันนี้ หลังการลดออกของนายกรัฐมนตรีลิซ ทรัสต์ ถือเป็นการยืนยันการปิดประตูมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของที่ไม่เหมาะสม (ทั้งกู้เงินและลดภาษี ในจังหวะที่ควรเริ่มดูแนวทางหารายได้และลดค่าใช้จ่าย) ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงเชิงระบบของตลาดตราสารหนี้ที่อาจปั่นป่วนจากการมีปัญหาของกองทุนบำเหน็จบำนาญ
มาตรการบังคับต่อการควบรวมไม่ได้น่ากลัว ผลผลึก (Synergy) ของการควบรวมน่าจะผลักดันหุ้นขึ้นซื้อขายเกินราคาเสนอซื้อก่อนหน้า กสทช.มีมติรับทราบการควบรวมกิจการ TRUE-DTAC ด้วยคะแนนเสียง 2:2 ชี้ขาดโดยประธานกสทช.ทั้งนี้มาตรการบังคับต่อการควบรวมมีรายละเอียดในหลายมิติ แต่ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการสร้างผลผนึกในการควบรวม (M&A synergy) โดยแม้สั่งให้ยังต้องคงแบรนด์การให้บริการแยกจากกันออกไปอีก 3 ปี แต่ไม่ได้ห้ามการการใช้โครงสร้างพื้นฐานร่วมกัน ไม่ได้ห้ามการทำตลาดร่วม ทำให้มีโอกาสปรับลดต้นทุนจากการ Optimized network นอกจากนี้ด้วยทรัพยากรคลื่นความถี่รวมกันที่มากกว่า ADVANC จะทำให้มีโอกาสยกระดับคุณภาพในการให้บริการ หรือหากเรียกคืนคลื่นในอนาคต ต้นทุนในการใช้คลื่นความถี่ที่ลดลงก็น่าจะเป็นผลดีกับบริษัทควบรวม (MergeCo) ทำให้เราประเมินราคาหุ้นของทั้งคู่มีโอกาสจะถูกเก็งกำไรขึ้นเกินราคาเสนอซื้อของ TRUE และ DTAC ที่ 5.09 และ 47.76 บาท ได้ อย่างไรก็ตามในกรณีของ DTAC ราคาอาจปรับลดลงเล็กน้อย หากมีการจ่ายเงินปันผลออกมา แม้การรวมกันอาจเป็นปัจจัยเสี่ยงระยะยาว แต่ในระยะสั้น การแข่งขันทางการตลาดที่ลดลง จะส่งผลบวกต่อ ADVANC
ประเด็นเก็งกำไรอื่น 1) กลุ่มท่องเที่ยว AOT, CENTEL, ERW, MINT, BAFS, AAV, SHR, VRANDA, SPA 2) กลุ่มเปิดเมือง CPALL, MAKRO, MAJOR, MBK 3) มาตรการสนับสนุน EV ได้แก่ EA, GPSC, PIMO 4) กลุ่มไฟฟ้าแผน PDP ใหม่ บวกกับ EGCO, RATCH, GULF, GUNKUL, SSP 5) เก็งกำไรทางเทคนิค CRC, RATCH, SC, TH, TLI, BAM, EA, CK, MBK, SAMART, ARIN, MC, TKN, SCGP, KISS, TC, KAMART, FLOYD, PROS
ภาพรวมกลยุทธ์: คาดเห็นการเก็งกำไรรายตัว ขณะที่ภาพรวม SET Index อาจเริ่มชะลอตัวเมื่อเข้าสู่โซนแนวต้าน 1,590-1,620 จุด กลยุทธ์ในภาพใหญ่ไม่เปลี่ยน คือ รอเลือกซื้อกลุ่มหุ้นเปิดเมือง ระยะสั้นกลุ่มที่ลงเยอะ (อาทิ ไฟแนนซ์ อสังหาริมทรัพย์) มีโอกาสเป็นเป้าหมายเก็งกำไร แต่ไม่ถือถึงงบออก ส่วนกลุ่มพลังงานสามารถเก็ง PTTEP ตามแนวรับ ส่วนหุ้นโรงกลั่นกำไรไตรมาส 3 ชะลอหนัก เก็งกำไรระมัดระวัง (ถ้าจะเลือก ชอบ SPRC) //หุ้นแนะนำ: ASW*, TU*, ADVANC*, TVDH*
แนวรับ: 1,579 / แนวต้าน : 1,590-1,620 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%
ประเด็นการลงทุน
สหรัฐเผยยอดขายบ้านมือสองปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 8 - ลดลง 1.5% สู่ระดับ 4.71 ล้านยูนิตในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2555 และเป็นการปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน
สหรัฐเผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานต่ำกว่าคาด – ลดลงสู่ระดับ 214,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ และต่ำกว่าที่คาดที่ระดับ 230,000 ราย
จีนเชิญผู้บริหารบริษัทผลิตชิปประชุมฉุกเฉิน - เพื่อร่วมกันประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการที่สหรัฐประกาศใช้มาตรการควบคุมการส่งออกชิปให้กับจีน นอกจากนี้ ยังให้คำมั่นสัญญาว่าจะสนับสนุนอุตสาหกรรมการผลิตชิปซึ่งมีความสำคัญต่อประเทศ
มาเลเซียเตรียมจัดการเลือกตั้งทั่วไปวันที่ 19 พ.ย. – หลังนายกรัฐมนตรีมาเลเซียได้ประกาศยุบสภาเมื่อวันที่ 10 ต.ค. เพื่อปูทางให้มีการเลือกตั้งทั่วไปโดยเร็ว พร้อมอ้างถึงความจำเป็นในการยุติความไม่แน่นอนทางการเมือง
ตลท.ปรับปรุง Turnover ratio เลือกหุ้นเข้า SET50-SET100 เริ่มต้น 2% – เริ่มใช้ในการคัดเลือกหลักทรัพย์ที่เป็นองค์ประกอบในดัชนีของตลาดหลักทรัพย์ฯ รอบปลายปี 2565 ซึ่งจะมีการประกาศผลการคัดเลือกในช่วงเดือนธันวาคม 2565 และใช้ในการคำนวณดัชนีในช่วงเดือน มกราคม-มิถุนายน 2566 เป็นต้นไป
PCC เข้าเทรด IPO วันแรก – บมจ. พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น (PCC) กลุ่มอุตสาหกรรม ทรัพยากร พลังงานและสาธารณูปโภค เป็นผู้นำธุรกิจโซลูชั่นครบวงจรของ Smart Grid และยังเป็นหุ้นรายแรกที่เน้นระบบส่งและจำหน่าย Smart Grid ราคา IPO 4.00 บาท
ประเด็นติดตาม: 22 ต.ค. - ECB President Lagarde Speaks / 25 ต.ค. – US CB Consumer Confidence / 26 ต.ค. - US New Home Sales, US Crude Oil Inventories / 27 ต.ค. - ECB Interest Rate Decision, US GDP Q3 / 28 ต.ค. – US Core PCE Price Index, US Pending Home Sales
(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)