วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (28 ต.ค. 65)
ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่ม หลังได้รับแรงหนุนจากการขยายตัวของ GDP สหรัฐฯ
ปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคา
+ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสและเบรนท์ปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังตลาดได้รับแรงหนุนจากตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐฯ ที่ขยายตัว 2.6% ในไตรมาส 3 ซึ่งขยายตัวสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.3% และช่วยให้นักลงทุนคลายกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย
+ คาดการณ์ธนาคารกลางในประเทศต่างๆ ใกล้จะสิ้นสุดวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย จากที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยล่าสุดอีก 0.75% ในการประชุมเมื่อวันที่ 27 ต.ค. 65 ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยของ 19 ประเทศที่ใช้เงินสกุลยูโรหรือยูโรโซน ปรับขึ้นมาอยู่ที่ 1.5% ซึ่งนับเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 3 ติดต่อกัน ตั้งแต่เดือน ก.ค. 65
- ตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ในประเทศจีน หลังนักลงทุนต่างชาติได้เทขายหุ้นในตลาดหุ้นจีนในช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากความกังวลต่อเศรษฐกิจจีนที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายโควิดเป็นศูนย์ (ZERO COVID-19) และวิกฤตการณ์ในตลาดอสังหาริมทรัพย์
ราคาน้ำมันเบนซิน
ราคาน้ำมันเบนซินปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังสต็อกน้ำมันเบนซินของสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง 1.5 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 207.9 ล้านบาร์เรล นอกจากนี้ ความต้องการใช้น้ำมันเบนซินของสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.3 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 8.9 ล้านบาร์เรล
ราคาน้ำมันดีเซล
ราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังจากความต้องการใช้น้ำมันดีเซลในเวียดนามปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่อุปทานน้ำมันดีเซลในประเทศมีความตึงตัว