Sideways Down ซื้อเก็งกำไร COM7 KAMART SAWAD
คาดดัชนีฯ Sideways Down แนวต้าน 1,612/1,620 จุด แนวรับ 1,595/1,588 จุด แนะนำ ซื้อเก็งกำไร COM7 KAMART SAWAD ทางเทคนิค ยังอยู่ระหว่างการเลือกทางว่าจะเป็นทิศทางขาขึ้น (ดัชนีฯ ต้องยืนเหนือ 1,612 จุด EMA 200 วัน) หรือเป็นขาลง (ดัชนีฯ ต้อง ร่วงต่ำกว่า 1,580 จุด)
โมเมนตัมลงทุนเป็นลบ จากกังวลต่อรายงานผลกำไรบจ. และการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ไฮไลท์วันนี้ คือ 3Q22E Earnings Results: US: Exxon, Chevron; Thailand: GLOBAL, STANLY; Japan: BoJ Meeting คาดคงดอกเบี้ยนโยบายที่ -0.1%; US Pending Home Sales เดือน ก.ย. คาด -5% MoM (Vs เดือน ส.ค. -2% MoM), Core PCE Price เดือน ก.ย.+5.2% YoY (Vs เดือน ส.ค.+4.9% YoY); France/Germany/Spain รายงาน 3Q22E GDP Growth และ CPI เดือน ก.ย.
กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ
+ KTX Portfolio: พอร์ต Big Cap แนะนำ GULF CRC AWC CK TCAP BH BEM AOT BBL EA KKP CPN MIN KTB TTB BDMS
+ Daily Recommendations: COM7 (มีโอกาสเข้าคำนวณ SET50 จากการปรับเกณฑ์ Turnover Ratio เหลือ 2% ขณะที่กำไร 3Q22 คาดเติบโตทั้ง QoQ และ YoY) KAMART (รับประโยชน์จากฤดูกาลจับจ่ายใช้สอยในช่วงปลายปี) SAWAD (Sentiment เชิงบวกจากการปรับลดลงของ Bond Yields ทั้งไทยและสหรัฐฯ)
+ หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการซ่อมแซมบ้านเรือนหลังน้ำท่วม: GLOBAL HMPRO DOHOME
+ หุ้นได้ประโยชน์จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น: CENTEL ERW AOT BAFS AAV SPA
ปัจจัยบวก
+ FED Rate: CME Group เผย Fed Fund Futures ล่าสุดปรับลดโอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% เป็น 4.75% ในการประชุมวันที่ 14 ธ.ค. เหลือ 34.1% และให้โอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยเพียง 0.5% เป็น 4.5% สูงขึ้นเป็น 58.9% สะท้อนคาดการณ์ว่าเฟดจะส่งสัญญาณชะลอการเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ย หลังประชุมเฟดในวันที่ 2 พ.ย. ซึ่งเป็นโมเมนตัมบวกระยะสั้นต่อราคาสินทรัพย์เสี่ยง โดยเฉพาะหุ้นกลุ่ม High Growth
ปัจจัยลบ
- US: 3Q22 US GDP ขยายตัว 2.6% QoQ สูงกว่าที่ Consensus คาดที่ 2.4% ส่วน 3Q22 Core PCE Price ขยายตัว +4.5% QoQ (Vs 2Q22 +4.7% QoQ) ทำให้นักลงทุนยังคงมีความกังวลว่าเฟดอาจจะส่งสัญญาณ Hawkish ต่อในการประชุม FOMC วันที่ 2 พ.ย. นี้
ประเด็นสำคัญ
- 3Q22E Earnings Results: US: Exxon, Chevron; Thailand: GLOBAL, STANLY
- Japan: BoJ Meeting คาดคงดอกเบี้ยนโยบายที่ -0.1%
- France/Germany/Spain รายงาน 3Q22E GDP Growth คาดเติบโต +0.2% QoQ, -0.2% QoQ, +0.3% QoQ และรายงาน CPI เดือน ก.ย. คาด +5.7% YoY, +10.1% YoY, +8% YoY ตามลำดับ
- US Pending Home Sales เดือน ก.ย. คาด -5% MoM (Vs เดือน ส.ค. -2% MoM), Core PCE Price เดือน ก.ย. +5.2% YoY (Vs เดือน ส.ค.+4.9% YoY), PCE Price เดือน ก.ย. +6.1% YoY (Vs เดือน ส.ค. +6.2% YoY)
Global Market Summary: วันทำการที่ผ่านมา
+ ตลาดหุ้นไทยปิดบวกต่อเนื่อง: ตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในกรอบแคบ 1,602.62-1,594.09 จุด ในภาคเช้า และปรับขึ้นในภาคบ่ายไปสร้างจุดสูงสุดที่ 1,605.76 จุด +9.3 จุด ก่อน อ่อนตัวปลายตลาดมาปิดที่ 1,602.33 จุด +5.87 จุด วอลุ่มซื้อขาย 6.44 หมื่นล้านบาท นำขึ้นโดยกลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์ +1.91% ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ +1.65% ประกันภัยและประกันชีวิต +1.59% พาณิชย์ +1.26% หุ้นบวก >4% JKN MTC AAV PCC TIPH TH BA TMC GLORY หุ้นลบ >4% DELTA KCC JWD DPAINT ABM CPL
+/- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และหุ้นยุโรปปิดผสมผสาน: DJIA +0.61% S&P500 -0.61% NASDAQ -1.63% ดัชนี DJIA ปรับตัวสูงขึ้น แต่ S&P500 และ NASDAQ ปิดลบ เป็นผลจากรายงาน 3Q22 GDP ที่เติบโตสูงกว่าคาด +2.6% QoQ (Vs คาด +2.4% QoQ และ 2Q22 -0.6% QoQ) และรายงานผลกำไรที่แข็งแกร่ง นำโดย Caterpillar, McDonald, Comcast ในทางตรงกันข้ามผลกำไรที่อ่อนแอและแย่กว่าคาดของ Meta ถ่วงหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีลดลงต่อเนื่อง ส่วนหุ้นยุโรป CAC40 -0.51% DAX +0.12% FTSE +0.25% นำขึ้นโดยกลุ่มน้ำมัน ธนาคาร และนำลงโดยกลุ่มเทคโนโลยี เหมืองแร่ รับข่าวผลประชุม ECB มีมติปรับขึ้นดอกเบี้ย +0.75% เป็น 2% และส่งสัญญาณว่าอัตราการปรับขึ้นดอกเบี้ยจะชะลอลงในระยะต่อไป
+/- ราคาน้ำมันดิบปิดบวก แต่ทองคำปิดลบ: WTI +USD1.17 ปิดที่ USD89.08/บาร์เรล Brent +USD1.27 ปิดที่ USD96.96/บาร์เรล โดยตลาดคลายกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันโลก หลังจากสหรัฐฯ รายงาน 3Q22 GDP ที่แข็งแกร่ง ลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะถดถอย และตัวเลขส่งออกน้ำมันดิบสหรัฐฯ แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 5.1 ล้านบาร์เรล สะท้อนอุปสงค์ที่แข็งแกร่ง ส่วนราคาทองคำกลับมาปิดลบ -USD3.60 ปิดที่ USD1,665.60/ออนซ์ จากการขายทองคำในฐานะที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากรายงานเติบโตเศรษฐกิจสหรัฐฯ ใน 3Q22 สูงกว่าคาด
ประเด็นสำคัญ
- US: กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งแรกสำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3 ในวันนี้ โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัว 2.6% ในไตรมาสดังกล่าว สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.4%
- EU: ECB มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ตามการคาดการณ์ของตลาด โดยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสู่ระดับ 2.00% ดอกเบี้ยเงินฝากสู่ระดับ 1.50% และดอกเบี้ยเงินกู้สู่ระดับ 2.25% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกัน หลังจากปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือน ก.ค. และ 0.75% ในเดือน ก.ย.
- Thailand: ผู้ว่าการธปท. เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง แม้จะมีปัจจัยจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว เพราะหากการท่องเที่ยวยังฟื้นตัวก็จะเป็นตัวช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย โดยคาดการณ์ว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยจะขยายตัว 3.3% และปี 2023 ที่ 3.8% และคาดการณ์ว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะเดินทางเข้าไทย 9 ล้านคน ส่วนปี 2023 ที่ 20 ล้านคน
- World Bank: ธนาคารโลก เปิดเผย รายงานแนวโน้มตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ฉบับล่าสุด โดยระบุว่าราคาพลังงานมีแนวโน้มลดลง 11% ในปี 2023 หลังจากที่พุ่งขึ้น 60% ในปี 2022 เนื่องมาจากการที่รัสเซียส่งกำลังทหารเข้าทำสงครามในยูเครน ขณะเดียวกันธนาคารโลกคาดว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และมาตรการที่เข้มงวดในการควบคุม COVID-19 ในจีน อาจจะส่งผลให้ราคาพลังงานปรับตัวลงรุนแรงมากขึ้น
กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ Trading Buy (โดยมีจุดขายตัดขาดทุน 3%)
หุ้นแนะนำรายสัปดาห์: WHA BEM HMPRO
หุ้นแนะนำเก็งกำไร: COM7 KAMART SAWAD
Derivatives: แนะรอเปิด Long S50Z22 เมื่ออ่อนตัว