BTG สร้างความแข็งแกร่งจากสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มสูง
BTG เป็นผู้ผลิตอาหารครบวงจรซึ่งรายได้มาจากห้ากลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ i) อาหาร และโปรตีน (68%ของยอดขายรวมใน 1H65) ii) เกษตร (25%) iii) ธุรกิจต่างประเทศ (5%) iv) สัตว์เลี้ยง (2%) และ v) อื่นๆ (<1%)
ทั้งนี้ แบรนด์สินค้าของบริษัทเป็นที่รู้จักอย่างดี โดยเฉพาะในธุรกิจอาหาร และโปรตีนอย่างเช่น S-Pure และ Itoham ในส่วนของสินค้าเกรด premium และ Betagro สำหรับสินค้ามาตรฐาน และ กระต๊าก บี-ฟู้ดส์ และ บี-วัน สำหรับสินค้าราคาประหยัด
เพิ่มสัดส่วนสินค้ามีมูลค่าเพิ่มสูง และปรับปรุงช่องทางการจัดจำหน่าย
บริษัทมีแผนจะเพิ่มสัดส่วนยอดขายสินค้าที่มีอัตรากำไรสูงอย่างเช่นอาหารพร้อมรับประทาน (ready-toeat) และสินค้าเกรด premium ในธุรกิจอาหาร และโปรตีน และธุรกิจเกษตร นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนจะเสริมความแข็งแกร่งของช่องทางการจัดจำหน่ายที่อัตรากำไรสูง (ปัจจุบันคิดเป็นสัดส่วนกว่า 70%ของยอดขายในธุรกิจอาหารและโปรตีน) ซึ่งจะช่วยหนุนอัตรากำไร และลดความผันผวนของ margin ลง
การขยายกำลังการผลิตจะช่วยหนุนการเติบโตในอีกห้าปีข้างหน้า
BTG กำหนดแผนขยายธุรกิจเอาไว้อย่างชัดเจนในอีกห้าปีข้างหน้า (2565-2569) เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายที่จะปรับปรุงสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง และปรับปรุงช่องทางการจัดจำหน่าย โดยคาดว่ากำลังการผลิตหมูและไก่จะเพิ่มขึ้น 14.6% และ 9.0% CAGR เป็น 4.8 ล้านตัว/ปี และ 270 ล้านตัว/ปี ภายในปี2569F ตามลำดับ เราคาดว่าการขยายกำลังการผลิตจะทำให้รายได้เพิ่มขึ้น 26% ในปี 2565F และ 6% ในปี 2566F เป็น 1.138 แสนล้านบาท เราคาดว่ากำไรสุทธิในปี 2565F จะอยู่ที่ 7.58 พันล้านบาท (+650%YoY) และปี 2566F จะอยู่ที่ 7.01 พันล้านบาท (-8% YoY) แต่หากไม่รวมกำไรพิเศษจากการขายการลงทุน 419 ล้านบาทในปี 2565F กำไรปกติในปีหน้าน่าจะใกล้เคียงกับในปี 2565F
Valuation & action
เราเริ่มต้นศึกษาหุ้น BTG ด้วยคำแนะนำถือ และประเมินราคาเป้าหมายปี 2566F ที่ 45 บาท อิงจาก PER ที่ 12.8x (เท่ากับ PER เป้าหมายของหุ้นอื่นในกลุ่ม)
Risks
ความผันผวนของต้นทุนอาหารสัตว์ และราคาขาย, เศรษฐกิจชะลอตัวลง, เกิดโรคระบาดในสัตว์