การชะลอการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดอาจไม่ได้เร็วอย่างที่ตลาดคาด

การชะลอการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดอาจไม่ได้เร็วอย่างที่ตลาดคาด

เฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ส่งผลให้ดอกเบี้ยนโยบายขึ้นมาอยู่ที่ 4% ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาด อย่างไรก็ตามหุ้นสหรัฐฯ ผันผวนจากบวกราว 1% ในช่วงแรกมาปิดลบ (DJIA -1.55%, S&P500 -2.50%, Nasdaq -3.36%)

ในช่วงของการถาม-ตอบ ประเด็นสำคัญที่เฟดมีการสื่อสารกับตลาด ได้แก่

•    ภารกิจของเฟดในการต่อสู้กับเงินเฟ้อยังไม่เสร็จสิ้น เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับที่สูงมาก และข้อมูลที่เฟดได้รับนับตั้งแต่การประชุมครั้งที่แล้วยังบ่งชี้ว่า เฟดอาจต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ และยังเร็วเกินไปที่จะพูดถึงการยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

•    เศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีโอกาสที่จะหลีกเลี่ยงภาวะถดถอยในช่วงเวลาที่เฟดปรับขึ้นอัตราเพื่อสกัดเงินเฟ้อ แต่โอกาสที่เศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป หรือซอฟต์แลนดิ้ง (soft landing) นั้น มีน้อยลง เนื่องจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อชะลอตัวอย่างเชื่องช้า

•    เฟดมีความจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปเพื่อสกัดเงินเฟ้อ แต่เฟดจะพิจารณาถึงผลกระทบต่อเศรษฐกิจขณะที่ทำการตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคต (ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่า เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่ต่ำลงในการประชุมเดือนธ.ค.)
 

 

 

แม้นักลงทุนจะแสดงความผิดหวังผ่านการที่หุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงแรง แต่เรามองสถานการณ์ลงทุนโดยรวมไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่อัตราดอกเบี้ยสูงสุด (Terminal rate) ที่ตลาดคาดยังอยู่แถว 5% ทำให้เราอยู่ในช่วงของการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย 1% สุดท้าย (หรือมากกว่าเล็กน้อย) ซึ่งการปรับขึ้นดอกเบี้ยในส่วนนี้ จะมีความค่อยเป็นค่อยไปมากขึ้น เรายังคงมุมมอง 1) ระมัดระวังต่อหุ้นที่อิงเศรษฐกิจโลกที่จะได้รับผลกระทบจากการถดถอยหรือชะลอของเศรษฐกิจยุโรป สหรัฐฯ และจีน 2) มองหุ้นในกลุ่มอิงบริโภคในประเทศมีโอกาสเคลื่อนไหวได้ดีกว่าในระยะสั้น 3) ผลตอบแทนพันธบัตรใกล้ถึงจุดสูงสุด ทำให้หุ้นสื่อสาร ไฟฟ้า กองรีทส์ อยู่ในช่วงสะสมที่น่าสนใจ

ประเด็นเก็งกำไรอื่น 1) กลุ่มท่องเที่ยว AOT, CENTEL, ERW, MINT, BAFS, AAV, SHR, VRANDA, SPA 2) กลุ่มเปิดเมือง CPALL, MAKRO, MAJOR, MBK 3) มาตรการสนับสนุน EV ได้แก่ EA, GPSC, PIMO  4) กลุ่มไฟฟ้าแผน PDP ใหม่ ละประมูลพลังงานทดแทน 5,200MW  บวกกับ EGCO, RATCH, GULF, BCPG,  GUNKUL, SSP 5) เก็งกำไรทางเทคนิค CRC, RATCH, SC, TH, TLI, BAM, EA, CK, MBK, SAMART, ARIN, MC, TKN, SCGP, KISS, TC, KAMART, FLOYD, PROS, TVDH 

ภาพรวมกลยุทธ์: มีโอกาสชะลอตัวลงจากแนวต้าน 1,630 จุด โดยมีแนวรับ 1,614 และ 1,605 จุด ตามลำดับ กลยุทธ์ในภาพใหญ่ไม่เปลี่ยน คือ รอเลือกซื้อกลุ่มหุ้นเปิดเมือง ระยะสั้นกลุ่มที่ลงเยอะ (อาทิ ไฟแนนซ์ อสังหาริมทรัพย์) มีโอกาสเป็นเป้าหมายเก็งกำไร ส่วนกลุ่มพลังงานสามารถเก็ง PTTEP ตามแนวรับ ส่วนหุ้นโรงกลั่นกำไรไตรมาส 3 ชะลอหนัก เก็งกำไรระมัดระวัง (ถ้าจะเลือก ชอบ SPRC) //หุ้นแนะนำ: ADVANC*, BCH*, TLI*. MAJOR*

แนวรับ: 1,605-1,614 / แนวต้าน : 1,630 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%
 

ประเด็นการลงทุน

ดัชนี PMI ภาคการผลิตยูโรโซนหดตัวเป็นเดือนที่ 4 - ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของยูโรโซน ปรับตัวลงสู่ระดับ 46.4 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 29 เดือน จากระดับ 48.4 ในเดือนก.ย.

EIA เผยสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลงมากกว่าคาดสัปดาห์ที่แล้ว – ลดลง 3.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลงเพียง 1.6 ล้านบาร์เรล

ราคาข้าวสาลีในตลาดโลกดิ่งหนัก – หลังรัสเซียกลับสู่ข้อตกลงส่งออกธัญพืชยูเครน ทั้งนี้ ราคาสัญญาล่วงหน้าข้าวสาลีที่มีการซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT ดิ่งลง 6% ขณะที่ราคาสัญญาข้าวโพดร่วงลง 2%

กกร.คงคาดการณ์ GDP ปี 65 โต 3-3.5% – คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) คงประมาณการเศรษฐกิจปี 65 ส่งออกขยายตัว 7-8% และอัตราเงินเฟ้อ 6.0-6.5% มองเศรษฐกิจไทยยังขยายตัวได้ ตามการปรับตัวดีขึ้นของการท่องเที่ยว และอุปสงค์ภายในประเทศเป็นหลัก ผลกระทบจากน้ำท่วมอยู่ในวงจำกัด

ธปท.มอง GDP ปี 66 มีสิทธิโตน้อยกว่า 3% – หากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติต่ำกว่า 19 ล้านคน จากเป้าที่ 21 ล้านคน รวมทั้งถ้ามูลค่าการส่งออกติดลบมากกว่า 2% จากเป้าโต 1.1% และการบริโภคภาคเอกชนโตต่ำกว่า 1% จากเป้า 3.3%

ซิตี้ ประกาศเสร็จสิ้นการขายธุรกิจธนาคารกลุ่มลูกค้าบุคคล ในไทยและมาเลเซีย - รวมถึงธุรกิจบัตรเครดิตสำหรับกลุ่มลูกค้าบุคคลให้กับบริษัทในเครือธนาคารยูโอบี (UOB) ซึ่งรวมถึงการโอนย้ายพนักงานที่เกี่ยวข้องกว่า 3,000 คน

ADVANC ประชุมบอร์ดถก 3 แนวทางซื้อ JASIF – ดังนี้ 1) ลดราคาซื้อ JASIF ลง, 2) รับผลโหวต JASIF ทั้งหมด, 3) ปรับเพดานส่วนลดค่าเช่าลง

ผู้ถือหน่วย DIF จะถูกจัดเก็บภาษีผลตอบแทน 10% เริ่ม 4Q22 – หลังครบกำหนดที่ได้รับยกเว้นมาครบ 10 ปี ส่งผลยีลด์วูบเหลือเพียง 7%   

JKN ออกหุ้นกู้อายุ 2 ปี ดอกเบี้ย 7% ขายสถาบัน-รายใหญ่ 8-10 พ.ย. – บมจ.เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป เสนอขายหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนครบกำหนด ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ.2567 คิดเป็นมูลค่าเสนอขายทั้งสิ้นไม่เกิน 800,000,000 บาท

 

ประเด็นติดตาม: 3 พ.ย. – US ISM Non-Manufacturing PMI / 4 พ.ย. - Nonfarm Payrolls, US Unemployment Rate / 10 พ.ย. – US CPI / 15 พ.ย. – US PPI / 16 พ.ย. – US Retail Sales

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)