กลยุทธ์การลงทุนรายสัปดาห์ แกว่งตัวขึ้น ยังน่าจะแข็งแกร่งกว่าตลาดหุ้นต่างประเทศ
ฟันด์โฟลว์ยังมีแนวโน้มดี หนุนความโดดเด่นของตลาดหุ้นไทย ท่ามกลางความผันผวนของปัจจัยโลกในสัปดาห์ที่แล้ว ตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวอยู่ในช่วงแคบ ๆ ตามที่เราคาดไว้ แม้ตลาดการเงินโลกจะกลับมาอยู่ในโหมด risk-off อีกครั้ง
โดยกระแสเงินทุนไหลเข้าหุ้นไทยเร่งตัวขึ้น เนื่องจาก i) เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มสดใสใน 2H65 และปี 2566 ii) มีกระแสข่าวในตลาดซึ่งยังไม่ได้รับการยืนยัน ว่าจีนอาจจะกลับมาเปิดเศรษฐกิจใน 1Q66 ซึ่งอาจจะเป็นบวกต่อการท่องเที่ยวไทยอย่างมีนัยสำคัญ และ iii) ตลาดน้ำมันดิบฟื้นตัวได้ดี ซึ่งจะช่วยหนุนหุ้นใหญ่ในกลุ่มพลังงาน
สำหรับแนวโน้มในสัปดาห์นี้ เราคาดว่าดัชนี SET จะพักฐาน/ขยับขึ้นแบบ sideways up โดยเรามองว่าตลาดโลกจะยังคงถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจในยุโรป และอังกฤษ รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐ ทั้งนี้ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สหรัฐประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร ซึ่งออกมาแข็งแกร่งเกินคาด โดยเพิ่มขึ้น 261,000 ตำแหน่ง ในขณะที่ค่าแรงรายชั่วโมงก็เพิ่มขึ้น 0.4% MoM เราคิดว่าตัวเลขที่ออกมานี้บ่งชี้ว่าตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงตึงตัว แต่อย่างไรก็ตาม CME Futures ยังชี้ว่าอัตราดอกเบี้ย terminal rate ของ Fed จะอยู่ที่ 5.25% แม้ว่าประธาน Fed นาย Powell จะมีท่าที hawkish และตัวเลขตลาดงานจะออกมาแข็งแกร่ง ซึ่งน่าจะเป็นเพราะเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมามีประธาน Fed สี่สาขาออกมาเรียกร้องให้ Fed ชะลอจังหวะการขึ้นดอกเบี้ยในระยะต่อไป สำหรับปัจจัยภายในประเทศ เรามองว่าแนวโน้มกระแสเงินทุนไหลเข้าหุ้นไทยยังคงมีแนวโน้มสดใสอย่างที่เราเคยกล่าวไปแล้วหลายครั้ง และน่าจะทำให้ตลาดหุ้นไทย outperform ตลาดอื่น ๆ ได้
ติดตามตัวเลข CPI สหรัฐ, ภาวะเศรษฐกิจยุโรป และ ผลประกอบการของบริษัทไทยนอกกลุ่มการเงิน
ปัจจัยภายนอก: ติดตามตัวเลข CPI สหรัฐ และภาวะเศรษฐกิจในยุโรป/อังกฤษ เรามองว่าปัจจัยมหภาคที่สำคัญที่สุดในสัปดาห์นี้คือตัวเลข CPI เดือนตุลาคมของสหรัฐ ซึ่ง Consensus คาดว่า headline CPI จะเพิ่มขึ้น 8.0% YoY (จาก +8.2% YoY ในเดือนกันยายน) และ core CPI จะเพิ่มขึ้น 6.5% YoY (จาก+6.6% YoY ในเดือนกันยายน) นอกจากนี้ นักลงทุนยังต้องติดตามสถถานกาณ์เศรษฐกิจ และตลาดอัตราแลกเปลี่ยนในยุโรป และอังกฤษด้วย ซึ่งอาจจะยังเปราะบาง และส่งผลกระทบต่อภาวะตลาด
ปัจจัยภายใน: ช่วง peak ของการรายงานผลประกอบการบริษัทนอกกลุ่มการเงิน ในสัปดาห์นี้ มีบริษัทนอกกลุ่มการเงินหลายแห่งกำหนดจะส่งงบ 3Q65 ซึ่งในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการปรับลดประมาณการ EPS ของบริษัทจดทะเบียนไทยไปบ้างแล้ว เนื่องจากมีการปรับลดประมาณการกำไรของหุ้น cyclical และหุ้นที่เกี่ยวข้องกับสินค้าโภคภัณฑ์ อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าหุ้นการบริโภคในประเทศและ หุ้นกลุ่มท่องเที่ยวน่าจะประคองตัวได้ดีจากแนวโน้มที่แข็งแกร่งของอุตสาหกรรม
ยังให้ถือต่อ และซื้อสะสมเพิ่มในช่วงที่ตลาดผันผวน
เรายังคงมองบวกกับแนวโน้มดัชนี SET จากกระแสเงินทุนไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง แนวโน้มเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งกว่าเศรษฐกิจของประเทศในภูมิภาค และมาตรการกระตุ้นการบริโภคที่จะมีการประกาศออกมาในเร็ว ๆ นี้ ดังนั้น เราจึงแนะนำให้นักลงทุนยังถือหุ้นต่อไป และซื้อสะสมเพิ่มในช่วงที่ตลาดผันผวน ทั้งนี้ กลุ่มที่เราแนะนำได้แก่หุ้นที่จะได้อานิสงส์จากการขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศ /นโยบายอย่างเช่น ธนาคาร ท่องเที่ยว และหุ้นกลุ่มการบริโภค ได้แก่ BBL*, KTB*, AOT*, BDMS*,
ERW, CPALL* และ PLANB*