วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (11 พ.ย. 65)
ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้น หลังตัวเลขเงินเฟ้อในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด ท่ามกลางสถานการณ์ COVID-19 ในจีนที่ยังคงรุนแรง
ปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคา
+ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสและเบรนท์ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 1% หลังสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคประจำเดือนต.ค. ปรับเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วเพียง 7.7% ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยระดับดังกล่าวถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน ก.พ. ที่อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นต่ำกว่า 8% ส่งผลให้ตลาดคาดว่า FED มีแนวโน้มจะปรับลดอัตราการขึ้นดอกเบี้ยลง ซึ่งจะส่งผลเชิงบวกต่อสภาวะเศษฐกิจโลก รวมทั้งอุปสงค์น้ำมันในตลาด
- ตลาดจับตามองสถานการณ์ COVID-19 ซึ่งยังคงรุนแรง โดยในมณฑลกวางโจวซึ่งเป็นศูนย์กลางการผลิตทางตอนใต้ของจีน มียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นสูงกว่า 2,000 รายต่อวัน ส่งผลให้ทางการเพิ่มความเข้มงวดของมาตรการปลอดโควิด และขยายเวลาการล็อกดาวน์ ซึ่งอาจส่งผลต่อความต้องการใช้น้ำมันในจีน
- ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังในสหรัฐฯ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ สู่ระดับ 440.8 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือน ก.ค. 2564 ทำให้ความกังวลอุปทานตึงตัวในช่วงก่อนหน้าคลายตัวลง เป็นปัจจัยกดดันต่อราคาน้ำมันดิบในตลาด
ราคาน้ำมันเบนซิน
ราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ที่เพิ่มสูงขึ้นในเวียดนามและอินโดนีเซีย อย่างไรก็ตาม ราคายังได้รับแรงกดดันจากปริมาณการส่งออกของจีนที่มีแนวโน้มเเพิ่มขึ้นในเดือน พ.ย.
ราคาน้ำมันดีเซล
ราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงกดดันจากปริมาณน้ำมันคงคลังในสิงคโปร์ประจำสัปดาห์ สิ้นสุด ณ วันที่ 9 พ.ย. ปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบสี่สัปดาห์