หุ้นขนาดเล็กอาจได้รับแรงกดดันจากการคุมความเสี่ยงที่เข้มงวดขึ้น
ระยะสั้นทิศทางเงินทุนอาจชะลอจากเงินบาทที่แข็งค่ารวดเร็ว ในระยะ 3-6 เดือนหน้า เรายังมองบวกต่อทิศทางเงินทุนไหลเข้าจากการที่ไทยเป็นประเทศที่น่าจะได้รับการจัดสรรน้ำหนักการลงทุนเพิ่มจากการมีภาระหนี้ในระดับเหมาะสม
มีเงินทุนสำรองสูง และมีการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ดีกว่าประเทศส่วนในโลกส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้นทิศทางเงินทุนอาจชะลอจากการแข็งค่าอย่างรวดเร็วของเงินบาท สู่ล่าสุด 35.69 บาท/เหรียญฯ จาก 38.46 บาท/เหรียญฯ เมื่อ 20 ต.ค. คิดเป็นการแข็งค่า 7.2% โดยวานนี้ต่างชาติกลับมาขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 2,317 ล้านบาท และขายสุทธิในตลาดตราสารหนี้ 716 ล้านบาท ทั้งนี้ผลการศึกษาการเกิดเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ ของเราชี้ให้เห็นว่า 1) ค่าเงินเหรียญสหรัฐฯ (Dollar Index) เป็นตัวแปรที่บ่งบอกความผ่อนคลายของการลงทุนที่ดีที่สุด 2) ค่าเงินเหรียญสหรัฐฯ สามารถสูงสุดได้ทั้งก่อน หรือหลังดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ ขึ้นสูงสุด 3) มีโอกาสที่หุ้นไทยจะเคลื่อนไหวดีกว่าหุ้นสหรัฐฯ เหมือนเช่นการถดถอยที่เกิดขึ้นจากปัญหาดอทคอมในปี ค.ศ.2001
สถานการณ์ความเสี่ยงของตลาดรวมจากหุ้น MORE เริ่มจำกัด แต่การคุมความเสี่ยงเข้มงวดขึ้นอาจกระทบต่อหุ้นขนาดเล็ก สถานการณ์ล่าสุด ปปง.ยังไม่มีการกล่าวโทษผู้ใด และตลท.มีการส่งเรื่องให้ DSI ตรวจสอบ กระบวนการชำระราคาดำเนินไปตามปกติ โดยผู้ลงทุนรายย่อยได้รับเงินค่าขาย ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์มีการชะลอการชำระเงินของคำสั่งซื้อที่ต้องสงสัย ซึ่งทำให้จากความเสี่ยงของการชำระราคาเหลือเพียง 1,500 ล้านบาท (จากยอดซื้อขายทั้งหมดที่ 7,161 ล้านบาท) ซึ่งทำให้น่าจะมีผลกระทบในวงจำกัด อย่างไรก็ตามในระยะสั้นยังน่าจะเห็นความผันผวนในหุ้น 3 กลุ่ม ได้แก่ 1) หุ้นที่มีความเกี่ยวพันกับ MORE หรือมีผู้ถือหุ้นใหญ่ที่เกี่ยวโยงกัน 2) หุ้นที่มีสัดส่วนถูกนำไปวางเป็นหลักประกัน (เพื่อกู้มาร์จิ้น) ในสัดส่วนที่สูง 3) หุ้นขนาดเล็กอื่น ที่อาจได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมความเสี่ยงของบล.ที่เข้มงวดขึ้น หรือการปรับลดอัตรามาร์จิ้น ทำให้อาจมีแรงขายปรับพอร์ตออกมา
ประเด็นลงทุนที่น่าสนใจ 1) ฟื้นตัวจากเศรษฐกิจและเปิดเมือง BBL, SCB, MINT, SPA, VRANDA, TNR, KISS, CPN, CRC, CPALL, MAKRO 2) การขายไฟพลังงานมทดแทน 5200MW GULF, GUNKUL, BCPG, SSP 3) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรผ่านจุดสูงสุด ADVANC, EGCO, RATCH 4) อสังหาริมทรัพย์ SPALI, AP, LH, ASW 5) หุ้นเข้า MSCI (มีผล 30 พ.ย.) BAM, ERW, JWD, NEX, RAM 6) มีโอกาสเข้า SET50 ได้แก่ DELTA, RATCH, COM7, CENTEL
ภาพรวมกลยุทธ์: อาจผันผวนจากการปรับพอร์ตระยะสั้น ยังมองบวกภาพระยะ 3-6 เดือน มอง SET แกว่ง 1,614-1,635 จุด และหากผ่าน 1,655 จุด จะทำให้ภาพทางเทคนิคเปลี่ยนแปลงไปเป็นบวกอย่างมีนัยสำคัญ กลยุทธ์ในภาพใหญ่ไม่เปลี่ยน คือ เน้นกลุ่มหุ้นเปิดเมือง และบริโภคในประเทศที่ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจ //หุ้นแนะนำ: BCH*, SCGP*, DMT*, PTL*
แนวรับ: 1,614 / แนวต้าน : 1,635 และ 1,655 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%
ประเด็นการลงทุน
ไบเดน ยืนยันสหรัฐยึดมั่นนโยบายจีนเดียว หลังเจรจา สี จิ้นผิง – โดยผู้นำทั้งสองใช้เวลาเจรจาในการประชุมดังกล่าวเป็นเวลา 3 ชั่วโมง ก่อนที่การประชุมสุดยอดของกลุ่ม G20 จะมีขึ้น ปธน.สีกล่าวต่อปธน.ไบเดนในการประชุมว่า ประเด็นไต้หวันถือเป็นแกนหลักของผลประโยชน์หลักของจีน และเป็น "เส้นแดงเส้นแรก" ของความสัมพันธ์ทวิภาคี ซึ่งสหรัฐจะก้าวข้ามมิได้
จีนเปิดแผน 16 ประการ หวังกอบกู้ภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ทรุดตัวหนัก – จีนออกคู่มือที่เสนอแนะแนวทางทั้งหมด 16 ข้อ เพื่อใช้ในการกอบกู้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่แท้จริงให้กับเจ้าหน้าที่การเงินทั่วประเทศ โดยนายอี้ กัง ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน (PBOC) แสดงความคาดหวังว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของประเทศจะสามารถก้าวผ่านมรสุมไปได้อย่างราบรื่น หลังข้อมูลแสดงให้เห็นว่า สถานการณ์เริ่มกระเตื้องขึ้น
เกาหลีใต้ส่งออกสินค้า ICT เดือนต.ค.ร่วงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 - ลดลง 10.3% yoy เดือนต.ค. แตะที่ 1.7870 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน
กกพ.เปิด 3 ทางเลือกปรับค่า Ft งวดม.ค.-เม.ย.66 – สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานเห็นชอบผลการคำนวณประมาณค่าเอฟทีสำหรับงวดเดือน ม.ค.-เม.ย.2566 ส่งผลค่าไฟขึ้น 5.37-6.03 บาท/หน่วย
พาณิชย์ เผย 10 เดือนแรกปีนี้ ต่างชาติลงทุนในไทยกว่า 1 แสนลบ. เพิ่ม 72% - ชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุนมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ญี่ปุ่น 125 ราย คิดเป็น 26% เงินลงทุน 37,738 ลบ. สิงคโปร์ 75 ราย คิดเป็น 16% เงินลงทุน 11,693 ลบ. สหรัฐอเมริกา 64 ราย คิดเป็น 13% เงินลงทุน 3,327 ลบ. ฮ่องกง 35 ราย คิดเป็น 7% เงินลงทุน 8,375 ลบ. และจีน 22 ราย คิดเป็น 5% เงินลงทุน 20,841 ลบ.
DITTO จับมือ วงษ์สยาม -TEAMG ลุยท่ออีอีซี 2.5 หมื่นลบ. – ตั้งบริษัทร่วมทุนใหม่ วงษ์สยาม ถือหุ้นมากสุด 60% ประเดิมโครงการท่อส่งน้ำหนองค้อ-แหลมฉบัง ระยะที่ 2 รับรู้รายได้ทันทีปี 66 พร้อมลุยประมูลงานทั่วประเทศ
ประเด็นติดตาม: 15 พ.ย. – US PPI / 16 พ.ย. – US Retail Sales / 17 พ.ย. – EU CPI, US Building Permits / 18 พ.ย. –US Existing Home Sales / 20 พ.ย. – TH GDP Q3 / 23 พ.ย. - New Home Sales
(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)