แนวรับสำคัญ 1600 จุด หุ้นรายงานพิเศษ CPANEL
วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ดัชนีปรับตัวลงหลังตลาดกังวลผลการประชุม FOMC โดยมีมติปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.5% อีกทั้งส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง คาดกรอบดอกเบี้ยนโยบายในปีหน้าอยู่ในกรอบ 5.25-5.75%
จึงกดดันให้กลุ่มพลังงานและกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์เผชิญแรงเทขาย ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,620.28 จุด -13.08 จุด -0.80% มูลค่าการซื้อขาย 58,622.88 ลบ. ต่างชาติ -1,267.57 ลบ. TFEX -26,441 สัญญา ตราสารหนี้ +713 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ สหรัฐ เปิดเผยว่า จำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการจำนองเพิ่มขึ้น 3.2% ในสัปดาห์ที่แล้ว แม้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองปรับตัวขึ้น
+ กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) เผยแพร่รายงานคาดการณ์การขยายตัวของอุปสงค์น้ำมันตลาดโลกในปีหน้า โดยได้ปัจจัยหนุนจากความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐและจีน
+ ธปท. เปิดเผยรายงานนโยบายการเงิน ฉบับล่าสุด เดือน ธ.ค. โดยประเมินว่าภาวะเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยประมาณการว่าในปี 2567 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวต่อเนื่องในอัตรา 3.9% เพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่คาดว่าจะขยายตัว 3.2% และขยายตัว 3.7% ในปี 66 จากภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวชัดเจน
ปัจจัยลบ
- ดัชนีดาวโจนส์ปิด ร่วงลง 764.13 จุด หรือ -2.25% เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการที่เฟด เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกเพื่อสกัดเงินเฟ้อนั้น จะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 1.17 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ปิดที่ 76.11 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยตลาดถูกกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของการที่ธนาคารกลางทั่วโลกพากันปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
- รายงานคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย หรือ Dot Plot นั้น เฟดส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงสุด สู่ระดับ 5.1% ภายในปี 2566 ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์เดิมของตลาด และเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เศรษฐกิจสหรัฐทรุดตัวลงอย่างหนักในปี 2550
- ECB และ BoE ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเมื่อวานนี้ และส่งสัญญาณว่าจะเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อไปเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอย
-กกพ.เคาะปรับขึ้นค่าไฟฟ้ารอบบิล ม.ค.-เม.ย.66 สำหรับภาคอุตสาหกรรม การค้า การเกษตร การบริการ อัตรา 5.69 บาท/หน่วย ส่วนครัวเรือนยังเก็บในอัตราเดิม 4.72 บาท/หน่วย ส่งผลให้ต้นทุนการดำเนินงานของธุรกิจเพิ่มขึ้น
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวลงตามทิศทางตลาดโลก โดยมีแรงกดดันจากความวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย ประกอบกับราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลง กดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,600-1,625 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• FTSE SET Large Cap : หุ้นเข้า AWC หุ้นออก JTS FTSE SET Mid Cap : หุ้นเข้า JTS RAM TLI หุ้นออก AWC BTSGIF TFFIF มีผล 19 ธ.ค.65
• ลุ้นช้อปดีมีคืนปี 66 : BJC CPALL MAKRO CRC COM7 SPVI CPW JMART HMPRO ZEN M AU
• จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศเร่งตัวขึ้น : BCH CHG EKH THG WPH
• สินค้าส่งออกเดือน ต.ค. ที่ยังเติบโตได้ดี : TEAM HANA KCE SMT
หุ้นรายงานพิเศษ
CPANEL “มุมมองเป็นบวกต่อผลประกอบการในปี 65 และ 66”
•รายได้ 3Q65 เท่ากับ 317 ลบ. +43%YoY +205%QoQ และกำไร 24 ลบ. +613%YoY, +87%QoQ เนื่องจากมียอดสั่งซื้อ Precast จากลูกค้าในกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพิ่มมากขึ้นทั้งแนวราบและแนวสูง สอดคล้องกับกำลังการผลิตปรับตัวสูงขึ้นเป็น 729,000 ตารางเมตรต่อปี +10%YoY, 10%QoQ ส่วน %GPM ปรับดีขึ้นเป็น 39% จาก 36% ในปีก่อนหน้า สาเหตุมาจากต้นทุนวัสดุปรับตัวลง ขณะเดียวกัน %SG&A ปรับตัวลดลงจาก 9.3% สู่ระดับ 8.3% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า หนุนกำไรปรับตัวขึ้น
•ผู้บริหารมองรายได้ทั้งปี 65 เติบโต +35%YoY หลังอัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นใน 3Q65 เร่งขึ้นสู่ระดับ 75% จาก 3Q64 อยู่ที่ระดับ 46% ขณะที่ Backlog รวมมูลค่า 1,039 ลบ. แบ่งเป็นไตรมาส 4 มูลค่า 105 ลบ. และปี 66 มูลค่า 934 ลบ. ด้านต้นทุนวัสดุยังทรงตัวใกล้เคียงกับ 4Q64 ได้แก่ ปูนขาวและทราย ส่วนในไตรมาส 4 บริษัทตั้งงบลงทุนในเครื่องจักรราว 14 ลบ. คาดแล้วเสร็จใน 2Q66 สามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้ 25% จากปัจจุบัน 792,000 ตารางเมตรต่อปี เป็น 990,000 ตารางเมตรต่อปี ขณะที่ปี 66 ตั้งงบลงทุนราว 500 ลบ. สร้างโรงงานใหม่แห่งที่ 2 คาดแล้วเสร็จในต้นปี 67 คาดจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้ถึง 2 เท่าจากปัจจุบัน โดยจะเริ่มรับรู้รายได้ใน 2Q67
•ความเห็น ฝ่ายวิจัยมีมุมมองเป็นบวกต่อผลประกอบการในปี 65 และ 66 เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวหนุนภาคอสังหาริมทรัพย์ แม้ภาครัฐไม่ต่อมาตรการ LTV ที่จะหมดอายุในสิ้นปีนี้ แต่เนื่องจากเป็นลูกค้ารายใหญ่และมีการสั่งซื้อ Precast ล่วงหน้า ทำให้ผลกระทบค่อนข้างจำกัด ขณะที่ธุรกิจมีต้นทุนการผลิตต่ำกว่าคู่แข่งในอุสาหกรรม จึงเป็นข้อได้เปรียบเมื่อเทียบกับผู้ผลิตรายอื่น ทั้งนี้ ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมา +39%YTD ทำให้หุ้นซื้อขายที่ P/E 27 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ระดับ 13 เท่า เราจึงแนะนำ“ซื้อเก็งกำไร”
หุ้นมีข่าว
(+) GPSC-BGRIM (Bloomberg consensus 75.50 / 43.00 บาท) กกพ.ตรึงค่าไฟบ้าน!! รอบบิล ม.ค.-เม.ย.66 ภาคธุรกิจอ่วมขึ้นเป็น 5.69 บ./หน่วย-สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ประกาศ Ft ตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่ให้สิทธิประชาชนใช้ก๊าซอ่าวไทยก่อน ส่งผล Ft ของกลุ่มผู้ใช้ไฟประเภทบ้านพักอาศัยอยู่ที่ 93.43 สตางค์/หน่วย ขณะที่ผู้ใช้ไฟฟ้ากลุ่มอื่นใช้ก๊าซส่วนเหลือทำให้ค่า Ft ขยับขึ้นไปที่ 190.44 สตางค์/หน่วยในบิลค่าไฟงวดเดือน ม.ค.-เม.ย.66
ประเด็นบวก GPSC-BGRIM เนื่องจากมีลูกค้าที่เป็นภาคธุรกิจสูงกว่าโรงไฟฟ้าอื่นๆ ซึ่งจะได้รับผลดีจากการปรับขึ้นค่า Ft ในภาคธุรกิจขึ้นอีก 190.44 สตางค์/หน่วย ช่วยหนุนกำไรให้ปรับตัวขึ้น เนื่องจากต้นทุนปรับตัวขึ้นช้ากว่ารายได้ตามราคาน้ำมันและถ่านหินในตลาดโลกที่ทรงตัว
(+) BCPG (Bloomberg consensus 11.85 บาท) เร่งสรุปพันธมิตรลงทุนแบตเตอรีลิเธียมไอออนสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าธันวาคมนี้ เดินหน้าเพิ่มพอร์ตโรงไฟฟ้าต่อเนื่อง เน้นต่างประเทศ ปีหน้าตั้งงบลงทุน 3 หมื่นล้านบาท ขยายธุรกิจ รับผ่านคุณสมบัติประมูลโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน 10 โครงการ (ที่มา ทันหุ้น)
(+) TTCL (Bloomberg consensus 7.80 บาท) ทิศทางสดใส เหตุไม่มีปัจจัยฉุดจากการตั้งสำรองหนี้ พร้อมมองธุรกิจก่อสร้างโตต่อเนื่อง เล็งประมูลงานใหม่ 4.5 หมื่นล้านบาท คาดหวังได้งานราว 1.5 หมื่นล้านบาท ส่วนปี 2565 ลุ้นรายได้ทะลุเป้า ตุนแบ็กล็อกพุ่ง 2.4 หมื่นล้านบาท ทยอยรับรู้ในช่วง 2 ปีครึ่ง (ที่มา ทันหุ้น)
(+) HPT (Bloomberg consensus - บาท) ออเดอร์จากต่างแดนล้น แย้มปัจจุบันลูกค้าป้อนงานผลิตเต็มไตรมาส 1/2566 แล้ว เล็งขยายเตาเพิ่มอีก 10-15% จากปัจจุบันมีกำลังผลิตที่ 3.2 ล้านชิ้นต่อปี พร้อมตั้งเป้าปั๊มยอดขายปี 2566 เติบโต 10-15% จากปีนี้ที่คาดผลงานพุ่งเกินเป้าทะลุ 20% ตุนแบ็กล็อกแน่น 100 ล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)