จีนเปิดประเทศหนุนเงินบาทและการฟื้นของ ท่องเที่ยว ปิโตรเคมี บรรจุภัณฑ์

จีนเปิดประเทศหนุนเงินบาทและการฟื้นของ ท่องเที่ยว ปิโตรเคมี บรรจุภัณฑ์

จีนยกเลิกมาตรการกักตัวสำหรับผู้เดินทางเข้าประเทศ ตั้งแต่ 8 ม.ค.66 คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติประกาศมาตรการผ่อนปรนการควบคุมการผ่านแดน ซึ่งมีมาตรการสำคัญ

ได้แก่ 1) ปรับลดระดับเฝ้าระวังของโควิดลงเป็นระดับ B (จาก A ที่เป็นระดับสูงสุด) 2) ยกเลิกมาตรการกักตัวสำหรับการเดินทางเข้าประเทศ โดยใช้เพียงผลตรวจเป็นลบ 48 ชม. ก่อนการเดินทาง 3) ยกเลิกการจำกัดที่นั่งของสายการบิน แต่ให้มีมาตรการป้องกันและสวมหน้ากากอนามัย ทั้งนี้จีนไม่ได้ห้ามการเดินทางออก แต่ปัจจัยที่จำกัดการมาของนักท่องเที่ยวชาวจีนอยู่ที่การกักตัวในขากลับที่อาจสูงถึง 8 วัน (5 วันในโรงแรม + 3 วันที่บ้าน) ดังนั้นมาตรการดังกล่าวคาดส่งผลบวกต่อการมาของนักท่องเที่ยว และการฟื้นตัวของภาคธุรกิจจีนที่จะรับการเดินทางภาคธุรกิจได้ดีขึ้น

 

กลุ่มอุตสาหกรรมที่น่าจะได้ประโยชน์จากการเปิดประเทศของจีน ได้แก่ 1) กลุ่มเปิดเมือง (ท่องเที่ยว ห้าง) MINT, CENTEL, ERW, AOT, AAV, SPA, VRANDA 2) หุ้นได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจจีนฟื้นตัว (พลังงาน ปิโตรเคมี) ได้แก่ PTTGC, IRPC, SCGP, SCC, PTTEP, PTT 3) กลุ่มบริโคและการย้ายฐานการผลิต ได้แก่ CPALL, MAKRO, TKN, WHA, AMATA เป็นต้น เรามองหุ้นเด่นที่น่าสนใจได้แก่ MINT, SPA, VRANDA, PTTGC, SCGP เป็นต้น

 


 

ประกันสังคมลงนาม MOU กับสถานพยาบาลเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา ในการผ่าตัดหรือทำหัตถการนำร่องใน 5 กลุ่มโรค อาทิ หัวใจและหลอดเลือก, หลอดเลือดสมอง, ผ่าตัดนิ่วในไตและถุงน้ำดี, มะเร็งเต้านม และผ่าก้อนเนื้อมดลูก ระยะเวลา 1 ม.ค.-30 มิ.ย.66 ซึ่งสถานพยาบาลที่เข้าร่วมสามารถรับผู้ปะกันตนจากทุกสถานพยาบาลโดยสำนักงานประกันสังคมจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย โดยโรงพยาบาล 3 ใน 10 แห่ง เป็นโรงพยาบาลในเครือของ BCH, SKR และ CHG การขยายบริการการรักษาดังกล่าวคาดส่งผลบวกต่อรายได้และผลกำไร ขณะที่ปัจจัยบวกในปี 2566 ยังน่าจะมาจากการปรับเพิ่มค่าบริการเหมาจ่ายรายหัวในช่วงต้นปีหน้า ที่น่าจะเป็นปัจจัยหนุนผลประกอบการเช่นกัน

 

ประเด็นลงทุนที่น่าสนใจ 1) ฟื้นตัวจากเศรษฐกิจและเปิดเมือง BBL, SCB, MINT, SPA, VRANDA, TNR, KISS, CPN, CRC, CPALL, MAKRO, MAJOR  2) การขายไฟพลังงานทดแทน 5200MW GULF, GUNKUL, BCPG, SSP 3) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรผ่านจุดสูงสุด ADVANC, EGCO, RATCH 4) อสังหาริมทรัพย์ SPALI, AP, LH, ASW 5) หุ้นที่น่าสนใจอื่นๆ STP, TNR, DMT, TVDH, KLINIQ, FLOYD

 

ภาพรวมกลยุทธ์: หุ้นกลุ่มท่องเที่ยวและได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของจีน (พลังงาน และปิโตรเคมี) มีแนวโน้มเคลื่อนไหวโดดเด่นในระยะสั้น เน้นตัวที่ยัง ศฟแฟพก หรือที่มีสัดส่วนรายได้จากคนจีนสูงมากๆ ปัจจัยเฝ้าระวังที่สำคัญคือ ตัวเลขส่งออก พ.ย.ที่จะออก 27 ธ.ค.อาจติดลบระดับ 15-20% //หุ้นแนะนำ: PTTGC, SCGP, VRANDA, SPA

แนวรับ: 1,610 / แนวต้าน : 1,640 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%

 

 

 

 

 

 

 

ประเด็นการลงทุน

AOT คาดผู้โดยสาร 2 ล้านคนในช่วงปีใหม่ - ระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2565 - 4 มกราคม 2566 ณ สนามบินทั้ง 6 แห่งของ AOT คาดว่าจะมีผู้โดยสารประมาณ 2 ล้านคน เพิ่มขึ้น 171.28% เมื่อเทียบกับปริมาณการจราจรทางอากาศที่เกิดขึ้นจริงในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 (29 ธันวาคม 2564 - 4 มกราคม 2565) แบ่งเป็น ผู้โดยสารระหว่างประเทศ ประมาณ 1 ล้านคน และผู้โดยสารภายในประเทศ ประมาณ 1 ล้านคน 

บอร์ด PTT ถกเคาะส่วนลดค่าก๊าซ, กฟผ.ช่วยตรึงค่า Ft – จะมีการหารือเรื่องเงิน 6,000 ล้านบาท ในการประชุมบอร์ด ปตท. 27 ธ.ค. โดยเบื้องต้นมีหลายแนวทาง ไม่จำเป็นต้องเป็นตัวเงินก็ได้ อาจเป็นการบริหารจัดการต้นทุนค่าไฟให้ลดลง เพื่อนำมาทดแทน แล้วนำต้นทุนที่ลดลงมาคำนวณเพื่อช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางต่อไป

เปิดขายซองประมูลทางด่วนกะทู้-ป่าตอง วันนี้-25 ม.ค.66 – ซึ่งเป็นลักษณะโครงการความร่วมมือรัฐและเอกชน ในรูปแบบ PPP Net Cost โดย กทพ. รับผิดชอบการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน และผู้ร่วมลงทุนรับผิดชอบการออกแบบรายละเอียดและการก่อสร้าง (รวมถึงคู่ควบคุมงาน) และการดำเนินงานบริหารจัดการและบำรุงรักษา (Operation and Maintenance: O&M) โดยผู้ร่วมลงทุนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รายได้ค่าผ่านทาง

THCOM เด่นสุดเตรียมประมูลดาวเทียยมวงโคจร 78.5E และ 119.5E – จับตา แอสเซนด์ บริษัทลูกทรู ชิงวงโคจร 78.5E แม้ดูด้านการเงินลงทุนอาจไม่คุ้ม แต่จำเป็นต้องแย่ง เพราะป้องกันความเสี่ยงธุรกิจหลังกัลฟ์เทกฯ ไทยคม เคาะราคาประมูล 15 ม.ค. 

 

ประเด็นติดตาม: 28 ธ.ค. – US Pending Home Sales / 4 ม.ค. - ISM Manufacturing PMI, JOLTs Job Openings / 6 ม.ค. – EU CPI, Nonfarm Payrolls, US Unemployment Rate, ISM Non-Manufacturing PMI

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)