PFund-REITs-IFF ธุรกิจมีแนวโน้มดีขึ้นในปี 2566

PFund-REITs-IFF ธุรกิจมีแนวโน้มดีขึ้นในปี 2566

ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกองทุนที่เราแนะนำมีแนวโน้มดีขึ้นในปี 2566

แนวโน้มธุรกิจใน 4Q65 เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น

เราคิดว่า แนวโน้มของธุรกิจโดยรวมจะดีขึ้น YoY ใน 4Q65 เนื่องจากประเทศไทยเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติหลังจากที่สถานการณ์การระบาดของ COVID-19 คลี่คลายลงไป ทั้งนี้ การที่สายพันธุ์ Omicron ระบาดหนักทั่วโลกใน 4Q64 ทำให้มีผู้ติดเชื้อ COVID-19 เป็นจำนวนมากใน 1H65 ดังนั้น เราจึงคาดว่าแนวโน้มธุรกิจของประเทศไทยจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่องใน 1H66 หลังจากผ่านช่วงที่สถานการณ์เลวร้ายที่สุดไปแล้วใน 1H65

 

กิจกรรมทางธุรกิจกำลังกลับมา

จากข้อมูลใน Google Mobility Report (Figure 6-9) แนวโน้ม mobility ของธุรกิจส่วนใหญ่ (ค้าปลีกและการพักผ่อนหย่อนใจ, ร้านขายของชำ และร้านขายยา, สถานีขนส่งมวลชน และสถานที่ทำงาน) กลับมาอยู่ระดับก่อน COVID ระบาดแล้ว หลังจากที่เริ่มขยับดีขึ้นมาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 จากการที่รัฐบาลผ่อนคลายข้อจำกัด และประชาชนจำนวนมากได้รับวัคซีนแล้ว ดังนั้น เราจึงคิดว่าแนวโน้มที่สำคัญใน 1Q66 คือภาวะของธุรกิจ และกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่จะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ออกมา เพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคในช่วง
เทศกาลปีใหม่ โดยคณะรัฐมนตรีอนุมัติโครงการ “ช้อปดีมีคืน” ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคนำค่าใช้จ่ายที่ใช้ซื้อสินค้าและบริการระหว่างวันที่ 1 มกราคม ถึง 15 กุมภาพันธ์ 2566 มาหักภาษีได้ไม่เกิน 40,000 บาท

 

 

 

 

จีนกลับมาเปิดประเทศ...ปัจจัยกระตุ้นด้านบวกสำหรับแนวโน้มธุรกิจในปี 2566

เมื่อวานนี้ คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (National Health Commission) ของจีนประกาศยกเลิกข้อกำหนดการกักตัวผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศตั้งแต่วันที่ 8 มกราคมเป็นต้นไป ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญที่จะนำไปสู่การผ่อนคลายข้อจำกัดในการเดินทางข้ามพรมแดน ซึ่งส่วนใหญ่ถูกปิดมาตั้งแต่ปี 2563 ทั้งนี้ ในปัจจุบัน อาการของโรคมีความรุนแรงลดลง และจะค่อย ๆ กลายมาเป็นการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจตามปกติ อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เดินทางเข้าประเทศจีนยังคงต้องตรวจ PCR ภายใน 48 ชั่วโมงก่อนออกเดินทางอยู่ ซึ่งเมื่อพิจารณาจากข่าวที่ออกมา เราเชื่อว่าภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับนักท่องเที่ยว/ธุรกิจจีนน่าจะฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งจากปี 2566 ไปหลังจากที่จำนวนนักท่องเที่ยวจีนลดลงอย่างมากมาเกือบสามปีแล้ว เราคิดว่ากองทุนที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาน้อยได้แก่ i) Jasmine Broadband Internet Infrastructure Fund (JASIF.BK/JASIF TB), ii) Digital Telecommunications Infrastructure Fund (DIF.BK/DIF TB) และ iii) Hemaraj Leasehold Real Estate Investment Trust (HREIT.BK/HREIT TB) ดังนั้น ธุรกิจหลักของกองทุนเหล่านี้จึงผันผวนน้อยในช่วงที่เกิดโรคระบาดและเราคิดว่ากองทุนเหล่านี้จะมีผลการดำเนินงาน และอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่แข็งแกร่งต่อเนื่อง แม้จะเกิดการระบาดของสายพันธุ์ใหม่ขึ้นมาอีก

 

ยังคงเลือก JASIF, DIF, WHAIR, ALLY, GROREIT, CPNREIT และ BTSGIF เป็นกองเด่น

เราคิดว่ากองทุนระดับแนวหน้าที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ (JASIF, DIF และ WHAIR) จะมีผลการดำเนินงานแข็งแกร่ง โดยมีการรับรู้รายได้อย่างสม่ำเสมอ แต่ที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นคือเราคิดว่ากองทุนที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาด (ALLY, GROREIT, CPNREIT และ BTSGIF) ก่อนหน้านี้น่าจะดีขึ้นหลังจากที่จีนเปิดประเทศในปีหน้า

 

 

Recommendation

เรายังคงแนะนำ JASIF, DIF และ WHAIR ในฐานะกองทุนระดับแนวหน้า ส่วนกองทุนระดับรองที่เราแนะนำ ได้แก่ ALLY, GROREIT, CPNREIT และ BTSGIF

 

Risks

COVID-19 ระบาด, เศรษฐกิจชะลอตัวลง, การเมืองขาดเสถียรภาพ