วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (13 ก.พ. 66)
ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่ม ท่ามกลางความกังวลอุปทานตึงตัว หลังรัสเซียประกาศลดกำลังการผลิต
ปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคาน้ำมัน
+ ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มมากกว่า 2% เนื่องจากตลาดกังวลภาวะอุปทานตึงตัว หลังนายอเล็กซานเดอร์ โนวัค รองนายกรัฐมนตรีรัสเซีย กล่าวว่า รัสเซียจะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันในเดือนมี.ค ลง 500,000 บาร์เรลต่อวัน หรือประมาณ 5% ของปริมาณการผลิตทั้งหมด เนื่องจากมาตรการคว่ำบาตรและจำกัดเพดานราคาน้ำมันดิบรัสเซีย ของสหภาพยุโรปและกลุ่มประเทศ G7 อีกทั้งเรือบรรทุกน้ำมันที่มีอยู่อย่างจำกัด ทำให้เป็นอุปสรรคต่อความพยายามของรัสเซียในการขายน้ำมันไปยังตลาดอื่นๆ
+ แหล่งข่าวรอยเตอร์ ระบุว่า กลุ่มโอเปคและพันธมิตร (OPEC+) ไม่มีแผนที่จะดำเนินการใดๆ หลังจากรัสเซียประกาศลดการผลิตน้ำมัน นอกจากนี้กลุ่มโอเปคยังคาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันอาจกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งในปี 66 เนื่องจากอุปสงค์ของจีนที่จะฟื้นตัวขึ้นหลังจากมาตรการควบคุมโควิด-19 ถูกยกเลิก และการขาดเงินลงทุนในการเพิ่มอุปทานน้ำมัน ซึ่งอาจทำให้ราคาน้ำมันดิบมีโอกาสกลับมาที่ระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
+ สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานกำลังการผลิตของโรงกลั่นในสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 449,000 บาร์เรลต่อวัน โดยเพิ่มขึ้น 2.2% ทำให้กำลังการผลิตโดยรวมของโรงกลั่นในสหรัฐฯ อยู่ที่ระดับ 87.9%
ราคาน้ำมันเบนซิน
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวลดลงสวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบ จากการส่งออกน้ำมันเบนซินที่สูงขึ้นของสิงคโปร์ อย่างไรก็ตามคาดว่าความต้องการใช้น้ำมันของอินโดนีเซียและมาเลเซียจะปรับตัวเพิ่มขึ้นก่อนช่วงถือศีลอด
ราคาน้ำมันดีเซล
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวลดลงสวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบ จากการส่งออกน้ำมันดีเซลที่เพิ่มขึ้นจาก เกาหลีใต้ ไต้หวัน และจีน ในขณะที่อุปสงค์ในภูมิภาคและยุโรปยังทรงตัว