TSC คงประมาณการกำไรปี 66 เนื่องจาก รายได้และกำไร1Q66ตามคาด

TSC คงประมาณการกำไรปี 66 เนื่องจาก รายได้และกำไร1Q66ตามคาด

รายงานกำไร 1Q66 ที่ 65.1 ลบ. ตามคาด หดตัว 5%QoQ แต่เติบโต 84%YoY เนื่องจากต้นทุนปรับตัวขึ้น : รายงานกำไร 1Q66 (ต.ค.-ธ.ค. 65) ที่ 65.1 ลบ. ลดลงQoQ

เนื่องจากไม่มีเงินคืนจากอากรขาเข้า รวมถึงอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวลงจากไตรมาสก่อนที่ 18.0% สู่ 16.3% (อัตรากำไรขั้นต้น 2565 อยู่ที่ 15.1% )  ขณะที่อัตราค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายปรับตัวลงตามปัจจัยฤดูกาล จาก 10.2% ในไตรมาสก่อนเหลือ 7.7%  โดยเมื่อพิจารณาเป็นตัวเงินปรับตัวลงจากไตรมาสก่อน 23.3 ลบ.สู่  56.1 ลบ.  ด้านรายได้ 1Q66 อยู่ที่ 727 ลบ. หดตัว 6%QoQ แต่เติบโต 15%YoY โดยยอดการผลิตรถยนต์เดือน ต.ค.-ธ.ค. 65 ปรับตัวขึ้น 5%QoQ และเติบโต 10%YoY สู่ 519,478 คัน และยอดการผลิตรถจักรยานยนต์เดือน ต.ค.-ธ.ค. 65 ทรงตัว QoQ และเติบโต 8%YoY สู่ 541,158 คัน ส่งผลให้ยอดการผลิตรถยนต์และจักรยานยนต์ปี 65 อยู่ที่ 3,899,455 คัน เติบโต 12.5% YoY ทั้งนี้ กำไร 1Q66 อยู่ที่ 65.1 ลบ. คิดเป็น 25.7% ของประมาณการ 

-  ยอดการผลิตรถยนต์เดือน ม.ค.-ธ.ค. 65 เติบโต 12.5%YoY เนื่องจากอุปสงค์เติบโตจากการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว : ยอดการผลิตรถยนต์และรถจักรยานยนต์รวมในปี 65 อยู่ที่ 1,883,515 คัน และ 2,015,940 คันเติบโต 11.7%YoY และเติบโต 13.2%YoY ตามลำดับ และยอดผลิตรถยนต์ในเดือน ต.ค.-ธ.ค. 65 อยู่ที่ 519,478 คัน เติบโต 5.2%QoQ และเติบโต 9.7%YoY ขณะที่ยอดผลิตรถจักรยานยนต์เดือน ต.ค.-ธ.ค. 65 อยู่ที่ 541,158 คันเติบโต 0.2%QoQ และเติบโต 8.0%YoY โดยการผลิตรถยนต์และรถจักรยานยนต์เติบโตจากการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว ขณะที่สภาอุตสาหกรรมฯ ปรับเพิ่มยอดการผลิตรถยนต์ปี 66 จาก 1.90 ล้านคันสู่ 1.95 ล้านคันเติบโต 8.1%YoY และคาดว่ายอดการผลิตจักรยานยนต์จะเติบโต 4.2%YoY สู่ 2.10 ล้านคัน 
 

-  คงประมาณการปี 66 ที่ 253 ลบ. เติบโต 21%YoY : เราคงประมาณการรายได้ปี 66 ที่ 2.83 พันลบ. เติบโต 5%YoY โดยสภาอุตสาหกรรมฯ ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ยอดการผลิตรถยนต์ปี 66 จาก 1.90 ล้านคันสู่ 1.95 ล้านคันเติบโต 3.5%YoY ทั้งนี้ เราคาดว่าจะยังมีเงินคืนอากรขาเข้า 22.5 ลบ.ซึ่งจะรับรู้ในปี 66 และคงสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นที่ 18% (2565 GPM อยู่ที่ 15.1% และ 4Q65 GPM อยู่ที่ 18.0%) เนื่องจากราคาน้ำมันและค่าระวางเรือที่ปรับตัวลง และคาดว่าอัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นตามยอดการผลิตรถยนต์ ส่งผลให้เราคงประมาณการกำไรปี 66 ที่ 253 ลบ. เติบโตจากปี 65 ที่ 22% 

-  คงคำแนะนำ “ถือ” พร้อมคงราคาเหมาะสมปี 66 ที่ 14.30 บาท: เราใช้ราคาเหมาะสมปี 66 โดยประเมินมูลค่าด้วยวิธี Dividend Discounted model (DDM) ซึ่งแสดงวิธีคำนวณตามตารางด้านล่าง ได้ราคาเหมาะสม 14.30 บาท โดยราคาเหมาะสมที่ประเมินได้ใกล้เคียงราคาปิดล่าสุด แต่ TSC มีการจ่ายปันผลสม่ำเสมอ 4 ปีย้อนหลังราว 7% เราจึงคงคำแนะนำ “ถือ” โดยคาดหวังอัตราปันผลปี 66 อยู่ที่ 6.3%ต่อปี ซึ่งต่ำกว่าปันผลเฉลี่ยย้อนหลัง 4 ปีเพราะอัตราเงินเฟ้อที่สูงผิดปกติ 

 

ปัจจัยเสี่ยง

i)    การผลิตรถยนต์ชะลอตัวจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 
ii)    พึ่งพาลูกค้ารายใหญ่ 8 รายคิดเป็นสัดส่วน 82% ของยอดขายรวม
iii)    การเปลี่ยนเทคโนโลยีจากรถยนต์สันดาปเป็นรถยนต์ไฟฟ้า ส่งผลให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนต้องปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีการผลิต