กลยุทธ์การลงทุนรายสัปดาห์ ยังแกว่งๆ ตามข่าวธนาคารต่างประเทศ แต่ความเสี่ยงทางลงมีน้อย
ราคาหุ้นจะยังผันผวน แต่เรามองว่า downside จำกัด ในสัปดาห์ที่แล้ว ตลาดหุ้นไทยปรับลดลงอย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากมีกระแสปัจจัยลบจากประเด็นปัญหาของธนาคารในต่างประเทศ
ได้แก่ การปิดธนาคารสหรัฐสามแห่ง (Silvergate, Silicon Valley และ Signature) และเกิดความกังวลรอบใหม่เกี่ยวกับ Credit Suisse ซึ่งเป็นธนาคารยักษ์ใหญ่ของสวิส อย่างไรก็ตาม ภาวะตลาดกลับมีขึ้นในช่วงปลายสัปดาห์หลังจากที่ธนาคารกลางหลัก ๆ จัดเตรียมสภาพคล่องไว้ให้กับธนาคารที่ประสบปัญหา ซึ่งทำให้ความกังวลเกี่ยวกับการเกิด bank run ทั้งระบบคลี่คลายลงไป
สำหรับในสัปดาห์นี้ (20-24 มีนาคม) เราคาดว่าดัชนี SET จะเริ่มออกตัวอย่างช้า ๆ ท่ามกลางกระแสความไม่แน่นอนเกี่ยวกับประเด็นความแข็งแรงของธนาคารในสหรัฐและยุโรปที่ยังคงอยู่ หลังจากที่มีข่าวว่าธนาคารได้กู้ยืมเงินก้อนใหญ่จาก Fed เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และการประชุม FOMC ในวันที่ 22 มีนาคม อย่างไรก็ตาม เรามองว่าตลาดหุ้นไทยมี downside จำกัด เพราะอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ลดลงในช่วงที่ผ่านมาส่งผลดีต่อมูลค่าเหมาะสมของหุ้นในตลาด (ตามแบจำลอง earning yield gap) ในขณะเดียวกัน ความคาดหมายว่าจะมีการประกาศยุบสภาในสัปดาห์นี้น่าจะทำให้เกิดการเก็งกำไรในหุ้นที่อิงกับสภาวะภายในประเทศมากขึ้น
ติดตามผลการประชุม FOMC และกระแสข่าวเกี่ยวกับธนาคารสหรัฐ และ EU
ปัจจัยภายนอก: เหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดจากฝั่งสหรัฐน่าจะเป็นผลการประชุม FOMC ในวันที่ 22 มีนาคม ซึ่ง Consensus คาดว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ย 25bps เป็น 5.00% และปรับกราฟ dot-plot สูงขึ้นพร้อมทั้งปรับประมาณการเศรษฐกิจเล็กน้อย ในขณะเดียวกัน นักลงทุนควรติดตามยอดปล่อยกู้ผ่าน discount window ของ Fed ซึ่งทำสถิติสูงสุดใหม่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพราะยอดกู้ยืมที่เพิ่มขึ้นอาจจะเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าธนาคารในสหรัฐมีปัญหามากขึ้น และจะกดดันภาวะตลาดโดยรวม นอกจากนี้ ความคืบหน้าของธนาคารใน EU ก็น่าสนใจจากการที่ UBS อาจจะเข้าไปซื้อ Credit Suisse
ปัจจัยภายใน: นายกประยุทธ์น่าจะประกาศยุบสภาอย่างเป็นทางการในวันนี้ ซึ่งเมื่ออิงตามรัฐธรรมนูญที่กำหนดให้จัดการเลือกตั้งภายใน 45-60 วันหลังยุบสภา เราคาดว่าจะมีการจัดเลือกตั้งในวันที่ 7 หรือไม่ก็ 14 พฤษภาคม นอกจากนี้ เรายังคาดว่าตลาดหุ้นไทยน่าจะ outperform ตลาดหุ้นในภูมิภาคได้ในสัปดาห์นี้จากความคาดหวังในด้านบวกจากประเด็นการเลือกตั้ง
ตลาดไทยน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว เราแนะนำให้ซื้อสะสมหุ้นกลุ่มที่จะได้อานิสงส์จากสภาวะปัจจุบัน ดังที่ได้ระบุเอาไว้ในบทวิเคราะห์กลยุทธ์ฉบับก่อน ๆ นั่นคือเรายังเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยน่าจะสร้างจุดต่ำสุดไปแล้วในสัปดาห์ก่อน ในขณะที่เหตุการณ์ในตลาดโลกยังดูมีทั้งบวกและลบ จากอัตราเงินเฟ้อที่น่าจะลดลงแรง และอัตราดอกเบี้ยที่อาจจะขึ้นไปถึงจุดสูงสุด ซึ่งจะไปหักล้างกับปัญหาของภาคธนาคารที่มา ๆ ไป ๆ ส่วนปัจจัยภายในดูจะสนับสนุนตลาดมากขึ้นใน เราคาดว่า กนง. จะไม่ขึ้นดอกเบี้ยนโยบายไปเกิน 1.75% ในปีนี้ ในขณะที่การยุบสภา และการเลือกตั้งจะช่วยเสริมความคาดหวังทางด้านบวกได้ในระดับหนึ่ง เรายังคงเป้าดัชนี SET ปี 2566 เอาไว้ที่ 1,730 จุด (PE เป้าหมายที่ 16.0x) และเน้นหุ้นในธีมการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว, การจับจ่ายใช้สอยเพื่อการบริโภค, การเลือกตั้ง และผลประกอบการพลิกฟื้น ได้แก่ AOT*, BDMS*, ERW, CPN*, AP*, LH*, WHA* และ PTG* AOT*, BDMS*, ERW, CPN*, AP*, LH*, WHA* และ PTG*