Industrial Estate Sector คาดว่ายอดขายที่ดินจะแข็งแกร่งในปี 2566

Industrial Estate Sector คาดว่ายอดขายที่ดินจะแข็งแกร่งในปี 2566

อุปสงค์การลงทุนในปีที่แล้วฟื้นตัวขึ้นจากจุดต่ำสุด จากข้อมูลของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ยอดยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ในปี 2565 เพิ่มขึ้น 39% YoY เป็น 6.64 แสนล้านบาท

ฟื้นตัวขึ้นจากจุดต่ำสุดในปี 2563 (Figure 2) ในขณะที่ยอดอนุมัติ BOI ในปีที่แล้วเพิ่มขึ้น 21% YoY เป็น 6.18 แสนล้านบาท (Figure 3) ในขณะเดียวกัน อุปสงค์การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ก็แสดงแนวโน้มในรูปแบบเดียวกัน โดยยอด FDI ที่ยื่นขอ BOI เพิ่มขึ้นเป็น 4.34 แสนล้านบาท (+36% YoY) ในขณะที่ยอด FDI ที่ได้รับอนุมัติ BOI อยู่ที่ 3.20 แสน
ล้านบาท (+14% YoY) (ดังแสดงใน Figure 4 – Figure 5) ทั้งนี้ เมื่อแบ่งตามประเทศ พบว่าประเทศที่มียอด FDI สูงสุดห้าอันดับแรกยังคงเหมือนเดิม ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น สหรัฐ ไต้หวัน และสิงคโปร์ (Figure 6 – Figure 7)

 

Industrial Estate Sector คาดว่ายอดขายที่ดินจะแข็งแกร่งในปี 2566

ตัวชี้วัดเศรษฐกิจโดยรวมน่าจะฟื้นตัวขึ้น และช่วยหนุนภาวะการลงทุน

ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจได้แก่ i) อัตราการใช้กำลังการผลิต: ขยับขึ้นมาเป็น 62.3 จากระดับต่ำสุดที่ 51.5 ในเดือนพฤษภาคม 2563 และเกือบถึงระดับค่าเฉลี่ยย้อนหลังที่ 65.2 แล้ว ii) ดัชนีความเชื่อมั่นธุรกิจ: ขยับขึ้นมาเป็น 50.6 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ทะลุระดับ 50 ขึ้นมาได้เป็นครั้งแรกในรอบสิบเดือน iii) ดัชนีการลงทุนภาคเอกชน: ขยับขึ้นมาเป็น 138.4 ในเดือนมกราคม 2566 ซึ่งดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากระดับต่ำสุดที่ 108.5 ในเดือนพฤษภาคม 2563 และ iv) ดัชนีการผลิตอุตสาหกรรม: อยู่ที่ 94.3 ในเดือนธันวาคม 2565 ซึ่งเป็นระดับก่อน COVID ระบาด

 

อุปสงค์ที่ดินในนิคมอุตสาหกกรมจะฟื้นตัวขึ้นในปี 2566

จากสัญญาณการฟื้นตัวของปุสงค์การลงทุน และภาวะการณ์ลงทุนที่เอื้ออำนวย เราจึงคาดว่ายอดขายที่ดินของ Amata Corporation (AMATA.BK/AMATA TB)* และ WHA Corporation (WHA.BK/WHA TB)* ในปีนี้จะแข็งแกร่งหลังจากที่โมเมนตัมยอดขายดีขึ้นใน 2H65 ถึงแม้เราจะใช้สมมติฐานยอดขายที่ดินปีนี้ของ AMATA ไว้สูงถึง 900 ไร่ (จาก ~700 ไร่ในปี 2565) และของ WHA ไว้ที่ 1,700 ไร่ (จาก ~1,900 ไร่ในปี 2565) แต่ทั้งสองบริษัทตั้งเป้ายอดขายที่ดินเอาไว้สูงกว่าสมมติฐานของเราอีก โดย AMATA ตั้งไว้ที่ 2,250 ไร่ และ WHA ตั้งไว้ที่ 1,750 ไร่ เราคาดว่าทั้ง AMATA และ WHA จะได้อานิสงส์จากปัจจัยของอุตสาหกรรมที่เอื้ออำนวย แต่อย่างไรก็ตาม เป้ายอดขายที่ดินที่สูงของบริษัทอาจจะท้าทายเนื่องจาก
ยอดขายที่ดินของทั้งสองบริษัทมักจะไปกระจุกตัวอยู่ในช่วงหลังของปี

 

 

Valuation & Action

เรายังคงให้น้ำหนักหุ้นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมที่ Neutral และแนะนำให้นักลงทุนจับตาโมเมนตัมยอดขายที่ดินใน 1H66 เราแนะนำ “ถือ” AMATA โดยประเมินราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 ที่ 20.50 บาทและแนะนำ “ซื้อ” WHA โดยประเมินราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 ที่ 4.40 บาท

 

Risks

ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitical risk), เศรษฐกิจชะลอตัวลง, ภัยธรรมชาติ, การซื้อที่ดิน, การกระจุกตัวของกลุ่มอุตสาหกรรม, เงินทุนไม่เพียงพอ