Investment Strategy - Fed ขึ้นดอกเบี้ย 25bp และจะรอจังหวะขึ้นอีกหนึ่งครั้ง
Fed ขึ้นดอกเบี้ยอีก 25bp เป็น 4.75-5% ตามคาดในการประชุมรอบล่าสุด โดยมองว่าการเติบโต และการจับจ่ายใช้สอยจะแผ่วลง ขณะที่ตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่ง
ทั้งนี้ จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับกลุ่มธนาคารในช่วงที่ผ่านมา Fed แสดงท่าทีว่าจะส่งผลให้สินเชื่อตึงตัวมากขึ้น และจะฉุดทั้งการเติบโตและเงินเฟ้อลงในระยะต่อไป มุมมองนี้ยังสะท้อนอยู่ในสรุปประมาณการเศรษฐกิจ (Summary of Economic Projections หรือ SEP) โดยคาดว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจจะลดลงทั้งในปีนี้ (0.4% จาก 0.5%) และในปีหน้า (1.2% vs. 1.6%) เมื่อเทียบกับประมาณการเมื่อเดือนธันวาคม 2022 ส่วน core PCE คาดชะลอตัวลงเหลือ 3.3% ในปลายปีนี้ และจะชะลอลงอีกเหลือ 2.5% ในปี 2024 แต่สำหรับอัตราการว่างงานจะเพิ่มขึ้น 0.9% เป็น 4.5% ในปีนี้ และเป็น 4.6% ในปีหน้า สรุปคือประมาณการดอกเบี้ยของ Fed ชี้ว่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ยอีกรอบในการประชุมวันที่ 3 พ.ค. อย่างไรก็ตาม ช่วงประมาณการของดอกเบี้ย Fed ค่อนข้างกว้างอยู่ในช่วง 4.9-5.75% นอกจากนี้ SEP ยังชี้ว่าจะมีการลดดอกเบี้ยลงประมาณ 100bp ในปีหน้า นอกจากนี้เป็นที่น่าสังเกตว่า Fed ยังเปิดประตูสำหรับความเป็นไปได้อื่น ๆ ด้วย โดยระบุว่าธนาคารจะปรับนโยบายตามข้อมูลเศรษฐกิจทั้งในส่วนของการเติบโต และเงินเฟ้อ ซึ่งหมายความว่า Fed อาจจะขึ้นดอกเบี้ยเกิน 5.25% ถ้าหากเงินเฟ้อไม่กลับลงมาตามที่คาดไว้
Analysis
เมื่อเทียบกับการแถลงข่าวครั้งก่อน ๆ ดูเหมือนในครั้งนี้ Fed จะตอบคำถามผู้สื่อข่าวได้ไม่ค่อยเด็ดขาด อาจเพราะยังมีข้อมูลที่เปิดเผยออกมาไม่มากนักหลังเกิดกรณี SVB ล้มในสัปดาห์ที่แล้ว ในขณะที่ประธาน Fed เน้นย้ำหลายครั้งว่าระบบธนาคารสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง แต่กรณีที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อความตึงตัวของสินเชื่อ ซึ่งสอดคล้องกับสิ่งที่เรากล่าวถึงเอาไว้ในบทวิเคราะห์กลยุทธ์ฉบับที่แล้ว ว่าธนาคารพาณิชย์น่าจะปรับมาตรฐานการปล่อยกู้ให้เข้มขึ้นอย่างมาก ซึ่งจะเป็นการขยายผลของการใช้นโยบายการเงินแบบตึงตัวขึ้นของธนาคารกลาง และยากที่จะประเมินว่าสินเชื่อจะตึงตัวขึ้นมากแค่ไหนในระยะสั้น และจะส่งผลกระทบกับทั้งการเติบโตของเศรษฐกิจ และเงินเฟ้อในระดับไหน ดังนั้น เราจึงมองว่ายังมีความเสี่ยงอีกมากที่พ่วงมากับประมาณการดอกเบี้ยของ นอกจากนี้ความคาดหมายว่าเศรษฐกิจจะเกิดภาวะ soft-landing ทางด้านประธาน Fed แสดงท่าทีมีความมั่นใจน้อยลงกว่าเดิมมาก โดยตอบคำถามในเรื่องนี้เพียงว่าจะมีหนทางที่นำไปสู่จุดนั้นได้ ทั้งนี้ จากสถิติในอดีตพบว่า Fed ไม่เคยคงมุมมองต่อภาวะ soft-landing เอาไว้เลยจากภาวะตลาดงานตึงตัวอย่างหนักภายใต้สมมติฐานว่าทุกอย่างเป็นไปตามที่ Fed คาดเอาไว้ เราคิดว่า Fed น่าจะพักการขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพ.ค. เราคาดว่า SET จะใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือนในการปรับตัวเป็นบวก โดยผลบวกมีแนวโน้มจะสูงที่สุดในช่วงหกเดือนหลังจากที่ Fed หยุดขึ้นดอกเบี้ย โดยดัชนี SET จะปรับตัวขึ้น 4% ซึ่งกลุ่มที่ผลการดำเนินงานมีแนวโน้มแข็งแกร่งได้แก่ วัสดุก่อสร้าง พลังงาน สื่อ อาหาร ขนส่ง และ REITs