BCH ได้อานิสงส์จากการที่ SSO ปรับขึ้นค่าเหมาจ่ายรายหัว

BCH ได้อานิสงส์จากการที่ SSO ปรับขึ้นค่าเหมาจ่ายรายหัว

KGI จัด webinar ให้กับกองทุนในประเทศเมื่อวานนี้ เรามองบวกจากมุมมองที่พูดคุยในงานนี้ โดยลูกค้ากองทุนในประเทศของเราได้ข้อมูลอัพเดตเกี่ยวกับการที่สำนักงานประกันสังคม (SSO) เพิ่งอนุมัติให้ปรับขึ้นอัตราเหมาจ่ายรายปีไปเมื่อไม่นานมานี้

นอกจากนี้ เรายังได้ถามคำถามเกี่ยวกับโอกาสที่จะมียอดผู้ติดเชื้อ COVID-19 (นำโดยสายพันธุ์ย่อย omicron XBB) เพิ่มขึ้นหลังสงกรานต์ ซึ่งรวมถึงการพัฒนาธุรกิจจากปี 2566 ไปด้วย โดยประเด็นสำคัญที่น่าสนใจ ได้แก่

i) บริษัทเห็นสัญญาณว่าผู้ป่วยประเภท non-COVID จะเพิ่มขึ้น ซึ่งจากการเปรียบเทียบข้อมูลใน 4Q65 (หลัง COVID19) กับ 4Q62 (ก่อน COVID19) พบว่ารายได้เพิ่มขึ้น 25.9%, EBITDA เพิ่มขึ้น 20.7% และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 12%

ii) คณะกรรมการ SSO มีมติเมื่อวันที่ 10 เมษายนให้ปรับขึ้นอัตราเหมาจ่ายรายปีจาก 1,640 บาท/หัว เป็น 1,808 บาท/หัว (+10.2% จากอัตราเดิม) โดยให้มีผลตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2566 เราคาดว่ารายได้จาก SSO ที่เพิ่มขึ้นในส่วนนี้จะทำให้ประมาณการกำไรปีนี้และปีหน้าของเรามี upside เพิ่มอีก 4.6% และ 7.2%ตามลำดับ และจะทำให้ราคาเป้าหมายของเรามี upside จากระดับปัจจุบันอีก 3% โดยค่าเหมาจ่ายอัตราใหม่ จะทำให้บริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้น

iii) โอกาสที่ COVID-19 อาจจะกลับมาระบาดอีกครั้งจากสายพันธุ์ย่อย XBB จำนวนผู้ติดเชื้อน่าจะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ๆ แต่จำนวนผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงน่าจะน้อยกว่าในปีที่ผ่าน ๆ มา เพราะในประเทศไทยได้มีการกระจายวัคซีนให้กับประชาชนในวงกว้างแล้ว สำหรับ BCH ผู้บริหารระบุว่า มีผู้มาตรวจ COVID เพิ่มขึ้นจาก 100 รายต่อวัน (ก่อนสงกรานต์) เป็นประมาณ 300 รายต่อวันในขณะนี้ ซึ่งสะท้อนว่า ประชาชนรู้สึกกลัวการติดเชื้อ COVID-19 นอกจากนี้ โรงพยาบาลในเครือของ BCH ยังมีผู้มารับบริการรักษา COVID-19 ประมาณ 80-100 ราย/วัน

iv) BCH ตั้งเป้าจะเติบโตในระยะยาว จากแผนขยายกิจการ (เฟส III) ในช่วงปี 2566-2570 โดย BCH ตั้งเป้าจะเพิ่มจำนวนเตียงผู้ป่วย (licensed bed) เป็น 3,100 เตียง (+38% จาก 2,245 เตียงเมื่อสิ้นปี 2565) โดยทำเลยุทธศาสตร์ที่บริษัทจะมุ่งเน้นคือ Eastern Economic Corridor (EEC) เพราะมองเห็นโอกาสที่จะเพิ่มความครอบคลุมของบริการและผู้ป่วยในพื้นที่ดังกล่าว

 

คาดว่ากำไรจะเพิ่มขึ้น YoY ใน 2H66F

ถึงแม้ราจะคาดว่ากำไรรายไตรมาสของ BCH จะลดลงใน 1H66F เพราะรายได้จากผู้ป่วย COVID-19 สูงใน 1H65 แต่เราคาดว่าผลการดำเนินงานจะพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นใน 2H66F จาก i) จำนวนผู้ป่วย COVID-19 ลดลงอย่างมีนัยสำคัญใน 2H65 และ ii) ผู้ป่วยประเภท non-COVID เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเราคิดว่า เป็นจุดสำคัญที่ทำให้ BCH ดูน่าสนใจมากขึ้นในแง่ของธีมการลงทุนหลังจากนี้

 

 

 

Valuation & action

เรามองบวกกับประเด็นการฟื้นตัวของ BCH จาก i) การที่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและต่างชาติกลับมาใช้บริการที่ WMC ในอีกสองสามปีข้างหน้า ii) ความพร้อมของ platform โรงพยาบาลเพื่อจับกลุ่มผู้ป่วยที่หลากหลาย (กลุ่มที่มีรายได้สูงไปจนถึงกลุ่มที่มีรายได้ต่ำ) และ iii) แผนการขยายกิจการโดยมีฐานผู้ป่วยที่แข็งแกร่ง (SSO, ต่างชาติ) เราคาดว่ากำไรสุทธิของ BCH ในปี 2566-2567F จะอยู่ที่ 2.18 พันล้านบาท (-28.3% YoY) และ 2.33 พันล้านบาท (+7.2% YoY) เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ และประเมินราคาเป้าหมาย DCF ปี 2566 ที่ 26 บาท (ใช้ WACC ที่ 7.5% และ TG ที่ 3.0%)

 

Risks

COVID-19 ระบาด, เกิดปัญหาเสถียรภาพทางการเมืองรอบใหม่ และเกิดเหตุก่อการร้ายครั้งใหญ่