กลยุทธ์การลงทุนรายสัปดาห์ น่าจะมีรีบาวนด์บ้าง แต่ภาพรวมยังเทรดไซด์เวย์
ตลาดน่าจะทรงตัว/เด้งได้บ้าง หลังจากที่ราคาหุ้น correction ลงมา แต่ upside ในระยะสั้นยังจำกัด ในสัปดาห์ที่แล้ว (17-21 เมษายน) ตลาดหุ้นไทยยังขยับลงต่อ ซึ่งแย่กว่าที่เราคาดเอาไว้
เนื่องจากหลายเหตุผลหลายประการด้วยกัน ประการแรก หุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีถูกฉุดเพิ่มราคาน้ำมัน correction ลงมา spread ของผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ยังแย่ต่อเนื่อง ประการที่สอง ถึงแม้ว่าผลประกอบการ 1Q66 โดยรวมของกลุ่มธนาคารไทยจะออกมาดีเกินคาด แต่ภาวะตลาดของกลุ่มธนาคารได้รับผลกระทบจากความกังวลเกี่ยวกับสินเชื่อ และหุ้นกู้ของ STARK ประการที่สาม หุ้นที่มี market cap ขนาดใหญ่ยักษ์อย่าง DELTA* ย่อตัวลง จากความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เศรษฐกิจสหรัฐจะถดถอย ซึ่งเป็นปัจจัยที่ฉุดรั้งหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีส่วนใหญ่ในเอเชีย
สำหรับในสัปดาห์นี้ (24-28 เมษายน) เราคาดว่าดัชนี SET จะทรงตัวหรือมีรีบาวนด์ได้เล็กน้อย เราคาดว่า การตอบรับข้อมูลจากการประชุมนักวิเคราะห์ของ KBANK* ว่าธนาคารอาจจะตั้งสำรองสำหรับกรณีของ STARK อาจจะช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่มีโอกาสเกิดขึ้นน้อย (tail risk) ของกลุ่มธนาคารไปได้ นอกจากนี้ หุ้น DELTA* ยังหลุดจากเกณฑ์ cash balance ซึ่งอาจจะทำให้ราคาหุ้นฟื้นตัวขึ้นมาได้ และส่งผลดีต่อดัชนี SET อย่างไรก็ตาม เราคิดว่า upside ของตลาดในระยะสั้นยังจำกัด ในขณะที่ความกลัวเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เศรษฐกิจสหรัฐจะถดถอยยังคงกดดันภาวะตลาด และอาจทำให้ตลาด
ผันผวนได้อีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหาก GDP ของสหรัฐใน 1Q66 ซึ่งจะประกาศในสัปดาห์นี้ ออกมาต่ำกว่าที่คาด
ติดตามตัวเลข GDP สหรัฐ, ดัชนีเงินเฟ้อ PCE และข้อมูลเศรษฐกิจเดือนมีนาคมของไทย
ปัจจัยภายนอก: ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่สำคัญที่สุดสองตัวที่จะประกาศออกมาในสัปดาห์นี้ได้แก่ i) ตัวเลขล่วงหน้าของ GDP 1Q66 (consensus +2.0% QoQ SAAR; จาก 4Q65 ที่ +2.6% QoQ) และ ii) ดัชนีเงินเฟื้อพื้นฐาน core PCE (consensus +4.5% YoY; จากเดือนกุมภาพันธ์ที่ +4.6% YoY) ทั้งนี้ เมื่อมองเลยไปข้างหน้า นักลงทุนควรเน้นไปที่ตัวเลขเศรษฐกิจเดือนเมษายน ซึ่งอาจจะแสดงสัญญาณการอ่อนตัวของเศรษฐกิจสหรัฐที่ชัดเจนมาขึ้น ตามข้อมูลในตลาดแรงงานที่เริ่มคลายความร้อนแรงลงในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
ปัจจัยภายใน: ธนาคารไทยส่งงบ 1Q66 ครบเรียบร้อยแล้ว และในสัปดาห์นี้ บริษัทนอกภาคการเงินจะเริ่มส่งงบ 1Q66 ซึ่งโดยรวมแล้ว เรามองว่ากำไรของกลุ่มที่อยู่ในภาคการผลิตอุตสาหกรรมอาจจะมี downside เล็กน้อย แต่จะชดเชยไปกับโอกาสที่อาจมีการปรับเพิ่มประมาณการกำไรของกลุ่มธนาคารขึ้นเล็กน้อย สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคในประเทศ ธปท. จะรายงานข้อมูลเศรษฐกิจเดือนมีนาคม และ 1Q66 ในวันศุกร์นี้ โดยข้อมูลของการส่งออก และการผลิตอาจจะยังคงอ่อนแออยู่ และธปท.อาจจะส่งสัญญาณว่า GDP ใน 1Q66 ของไทยจะขยายตัวในระดับปานกลางเท่านั้น
แนะนำให้ซื้อสะสมหุ้นในธีมเลือกตั้ง และหลีกเลี่ยงหุ้นที่อิงกับวัฏจักรเศรษฐกิจโลก
เนื่องจากผลประกอบการของหุ้นกลุ่มธนาคารออกมาดีเกินคาด และจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 14 พฤษภาคม ดังนั้น หุ้นในธีมเลือกตั้งอย่างเช่น กลุ่มธนาคาร, ไฟแนนซ์, อสังหาริมทรัพย์ และ นิคมอุตสาหกรรมจึงน่าจะปรับขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง โดยหุ้นในธีมนี้ เรายังคงชอบ BBL*, KTB*, SAWAD*, AP*, AMATA* และ WHA* สำหรับกลุ่มที่ควรหลีกเลี่ยงนั้น เรายังคงมองลบกับหุ้นที่อิงกับวัฏจักรเศรษฐกิจโลก อย่างเช่น กลุ่มพลังงาน และปิโตรเคมี เนื่องจากยังมีความไม่แน่นอนสูงเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐ