วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (3 พ.ค. 66)
ราคาน้ำมันดิบร่วง 5% จากความวิตกสหรัฐฯ เสี่ยงผิดนัดชำระหนี้
ปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคา
- ราคาน้ำมันดิบปรับลดลงกว่า 5% ซึ่งนับเป็นการปรับลดลงมากสุดนับตั้งแต่เดือน ม.ค. 66 ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้พันธบัตรสหรัฐฯ หลังรัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ เผยว่ารัฐบาลอาจหมดเงินภายใน 1 เดือน นอกจากนี้นักลงทุนจับตาดูการประชุมของเฟดในวันนี้ ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 16 ปี
- ตลาดกังวลเกี่ยวกับสภาวะเศรษฐกิจของจีน หลังดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ในภาคการผลิตปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับ 49.2 ในเดือน เม.ย. ซึ่งบ่งชี้ภาวะหดตัวของภาคการผลิตของจีน โดยเป็นการหดตัวครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน ธ.ค. 65
+ หลังตลาดปิด สถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานสหรัฐฯ (API) เผยตัวเลขน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 28 เม.ย. 66 ปรับตัวลดลงกว่า 3.9 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับลดลงเพียง 1.0 ล้านบาร์เรล
ราคาน้ำมันเบนซิน
ราคาน้ำมันเบนซินปรับเพิ่มขึ้นสวนทางราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปสงค์น้ำมันเบนซินในมาเลเซีย และอินโดนีเซียยังคงอยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ดี สิงค์โปร์เพิ่มปริมาณการส่งออกน้ำมันเบนซินสู่ตลาดเอเชียมากขึ้น
ราคาน้ำมันดีเซล
ราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มขึ้นสวนทางราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังเวียดนามยังคงนำเข้าน้ำมันดีเซลจากประเทศใกล้เคียง เพื่อรองรับอุปสงค์ภายในประเทศ ท่ามกลางการปิดซ่อมบำรุงของโรงกลั่นของประเทศในแถบตะวันออกเฉียงเหนือ