CPALL กลับมาเติบโตได้ตามปกติ (12 พ.ค. 66)

CPALL กลับมาเติบโตได้ตามปกติ (12 พ.ค. 66)

หลังจากที่ CPALL มีการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม (SSSG) อยู่ที่ 8% ในไตรมาสแรกของปีนี้ ทำให้มีโอกาสที่จะดีขึ้นได้ต่อเนื่องในเดือนเมษายน

ขณะที่ เราคาดว่า SSSG จะเติบโตได้ระดับปานกลางช่วงที่เหลือของปีนี้ และสอดคล้องกับสมมติฐาน SSSG ของเราที่ 5% ในปีนี้ (เทียบกับ 15.9% ในปี 2565) ปัจจัยขับเคลื่อน SSSG ที่สำคัญมาจากการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติและการดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจ ทั้งนี้ อิงจากสมมติฐานจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติของฝ่ายวิจัยของ KGI อยู่ที่ 28 ล้านคนในปี 2566 (เพิ่มจาก 11.2 ล้านคนในปี 2565) โดยจำนวนนักท่องเที่ยวในครึ่งปีหลังจะสูงกว่าครึ่งปีแรก (back-end loaded pattern)

 

การเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรขึ้นต้นอย่างมีข้อจำกัด การจัดการต้นทุนยังเป็นประเด็นที่ให้ความสำคัญ

เมื่อปีที่แล้ว CPALL มีการปรับราคาสินค้าเพื่อสะท้อนการเพิ่มขึ้นของต้นทุนสินค้า (เช่น ราคาหมู) และปรากฎผลชัดเจนใน 1Q66 ขณะที่ margin สินค้าดีขึ้นทั้งในหมวดอาหารและไม่ไช่อาหารที่ 40bps YoY และ 90bps YoY ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดการณ์การเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรขั้นต้นของทั้งสินค้าทั้งในหมวดอาหารและไม่ไช่อาหารอาจมีจำกัด (น้อยลงกว่าในช่วงที่ผ่านมา) ผลของอัตรากำไรขั้นต้นโดยรวมของสินค้าจะปรับตัวดีขึ้นได้จะเป็นผลมาจากส่วนผสมของสินค้า (ระหว่างหมวดอาหารและไม่ใช่อาหาร) เราคาดว่ายอดขายจะสูงขึ้นจากการเดินทางท่องเที่ยวและการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะสินค้าในหมวดของใช้ส่วนตัว ซึ่งช่วยให้ margin ดีขึ้น ในเวลาเดียวกันบริษัทยังคงพยายามจะควบคุมต้นทุนอย่างต่อเนื่อง (โดยเฉพาะต้นทุนค่าสาธารณูปโภค) หลังจากได้ผลดีใน 1Q66 มาแล้ว ทั้งนี้ ต้นทุนค่าสาธารณูปโภคคิดเป็น 2% ของยอดขาย

 

 

คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2566-2567 ไว้เช่นเดิม

เราคาดกำไรสุทธิของ CPALL จะฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะในครึ่งปีหลังของปีนี้ โดยเรายังคงประมาณการกำไรปี 2566-2567 ไว้เดิม สะท้อน i) กำไร 1Q66 คิดเป็น 23% ของประมาณารกำไรสุทธิปี 2566 ของเรา และ ii) guidance จากผู้บริหารต่อแนวโน้มการดำเนินการด้วยความระมัดระวัง เราคาดอัตราการเติบโตกำไรของ CPALL ที่ 29%/16% ในปี 2566/2567

 

Valuation & action

เราขยับไปใช้ราคาเป้าหมายสิ้น 1H67 ที่ 72.00 บาท จากเดิมที่ 67.00 บาท อิงจากPER ที่ 35.0x (ค่าเฉลี่ยในอดีตระหว่าง MAKRO และ CPALL +1.0 S.D) บวกกับ upside ที่จำกัด เรายังคงคำแนะนำ “ถือ”

 

Risks

เศรษฐกิจชะลอตัวลง การขยายสาขาใหม่ได้ช้ากว่าแผนที่วางไว้ disruption จากเทคโนโลยีใหม่มาใช้ ถูกยกเลิกการใช้เครื่องหมายการค้า 7-Eleven และความเสี่ยงด้าน logistic