วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (14 มิ.ย. 66)
ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่ม หลังจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะสั้น ขณะที่ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ต่ำกว่าคาด
ปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคา
+ ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มกว่า 2% หลังธนาคารกลางของจีนปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะสั้นลง 0.1% สู่ระดับ 1.9% ซึ่งเป็นการปรับลดครั้งแรกในรอบสิบเดือน โดยมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจหลังการการเปิดประเทศ ซึ่งจะส่งผลในบวกต่อความต้องการใช้เชื้องเพลิงของจีนซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่ของโลก
+ วานนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ (CPI) เดือน พ.ค. ปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 0.1% YoY มาอยู่ที่ระดับ 4.0% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.1% ขณะที่ตัวเลขจากเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ระดับ 4.9% YoY บ่งบอกว่าภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐฯ ใกล้ถึงจุดสิ้นสุด ส่งผลให้นักวิเคราะห์คาดว่าการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ในค่ำวันนี้ FED มีแนวโน้มจะคงอัตราดอกเบี้ยที่เท่าเดิมที่ระดับ 5.00 – 5.25%
- หลังตลาดปิด สถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานสหรัฐฯ (API) เผยตัวเลขน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 9 มิ.ย. 66 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับลดลง 1.3 ล้านบาร์เรล
ราคาน้ำมันเบนซิน
ราคาน้ำมันเบนซินปรับลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังตัวเลขการนำเข้าน้ำมันเบนซินของเวียดนาม ในเดือน พ.ค. ปรับลดลงกว่า 4.5% อย่างไรก็ดี ราคายังได้รับแรงหนุนจากการปิดซ่อมบำรุงของโรงกลั่นในภูมิภาค
ราคาน้ำมันดีเซล
ราคาน้ำมันดีเซลปรับลดน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังการส่งออกน้ำมันดีเซลจากอินเดียมีแนวโน้มลดลง จากการชะลอตัวของการผลิตและขนส่งน้ำมันเนื่องจากพายุไซโคลนที่กำลังจะพัดเข้าสู่ชายฝั่งทางตะวันตกของประเทศ