วิเคราะห์หุ้น : บล.เคจีไอฯ Healthcare sector ตลาดเปิดกว้างมากขึ้น
เป็นปีของโรงพยาบาลใหญ่ เมื่ออิงจากผลประกอบการใน 1Q66 ของบริษัทในกลุ่มโรงพยาบาลที่อยู่ในการวิเคราะห์ของเรา พบว่าภาพใหญ่ยังคงเป็นไปตามที่เราคาดไว้ โดยผลประกอบการของโรงพยาบาลใหญ่ (BDMS* และ BH*) ฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง
เนื่องจากมีสัดส่วนรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติเพิ่มขึ้น เพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาเที่ยวประเทศไทยหลังจากที่มีการเปิดประเทศในปี 2566 เรามองว่า BH แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มโดยอัตรากำไรขั้นต้นสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 47.9% ใน 1Q66 ทั้งนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติของไทยพุ่งสูงขึ้นถึง 1,202% YoY ใน 1Q66 หลังจากที่เพิ่มขึ้นถึง 7,848% YoY ใน 3Q65 และ 1,498% YoY ใน 4Q65
ไม่ถูกกระทบอย่างมีนัยสำคัญจากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ
เราไม่กังวลเกี่ยวกับการที่รัฐบาลใหม่อาจขึ้นค่าแรงขั้นต่ำอีกเกือบ 30% เป็น 450 บาท/วัน ซึ่งจากการสำรวจของเราพบว่า โรงพยาบาลส่วนใหญ่จ่ายค่าจ้างขั้นต่ำให้แรงงานไร้ทักษะที่อัตราใกล้เคียง 450 บาท/วันอยู่แล้ว ดังนั้น การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจึงอาจส่งผลกระทบจำกัดต่อบริษัทในกลุ่มโรงพยาบาล จากการวิเคราะห์ sensitivity เราพบว่าผลกระทบด้านลบจะน้อยมากเพียงไม่ถึง 0.5% ของกำไรสุทธิปี 2567Fเท่านั้น
สังคมสูงวัยกำลังเข้ามา
การที่ประชากรมีอายุเฉลี่ยสูงขึ้นทำให้ต้องพิจารณาถึงต้นทุนในการรักษาพยาบาลที่อาจสูงขึ้น และการให้บริการทางการแพทย์สำหรับประชากรกลุ่มที่มีอายุสูงขึ้นในระยะยาว เพราะการใช้กระบวนการรักษาพยาบาลที่สัมพันธ์กับอายุเพิ่มขึ้น ทำให้ต้นทุนการรักษาพยาบาลเพิ่มขึ้นในระยะยาว ซึ่งน่าจะโตเร็วกว่าความต้องการด้านการรักษาพยาบาลประเภทอื่น ๆ
นอกจากบริการทางการแพทย์ที่ซับซ้อนขึ้นของผู้ป่วยทั่วไปแล้ว เราคิดว่าโรงพยาบาลส่วนใหญ่ทราบดีว่า สัดส่วนประชากรสูงวัยมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นในอีก 10 ปีข้างหน้า เราจึงคาดว่าโรงพยาบาลชั้นนำจะได้โมเมนตัมด้านบวกจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรนี้ ด้วยการขยายบริการทางการแพทย์ สำหรับประชากรกลุ่มนี้ นอกจากนี้ เรายังคาดว่าประเทศไทยจะกลายเป็นสังคมสูงวัยอย่างเต็มที่ (superaged society) ในอีก 10 ปีข้างหน้า โดยจะขยับขึ้นจากอันดับที่ 10 ของเอเชียมาอยู่อันดับ 6 ในปี 2578
เมื่อพิจารณาในธีมนี้ เราคิดว่าโรงพยาบาลส่วนใหญ่เห็นแนวโน้มอุปสงค์การรักษาพยาบาล และการป้องกันโรค (preventive care) ที่จะเพิ่มขึ้นในระยะยาวอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เราคิดว่าโรงพยาบาลขนาดใหญ่จะมีความได้เปรียบในการแข่งขันมากกว่าโรงพยาบาลขนาดเล็ก เนื่องจาก i) มีบริการรักษาโรคที่มี intensity สูงมากกว่า ii) ฐานผู้ป่วยกว้างกว่า iii) ฐานเงินทุนใหญ่กว่า ดังนั้น เราจึงเชื่อว่า BH และ BDMS จะเป็นหุ้นหลักที่ได้อานิสงส์จากพัฒนาการในด้านนี้ เพราะมีการเตรียม platform เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ป่วยตามแนวโน้มในอนาคตมาอย่างต่อเนื่อง (ได้แก่ Center of Excellence, Wellness services, Palliative care) อย่างไรก็ตาม โรงพยาบาลขนาดเล็กก็พยายามจะให้บริการที่เกี่ยวข้องกับ
ประชากรที่สูงวัยมากขึ้นเช่นกัน แต่ยังช้ากว่าโรงพยาบาลขนาดใหญ่
Valuation & Action
เรายังคงให้น้ำหนักหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลที่ Overweight โดยยังคงเลือก BDMS เป็นหุ้นเด่นของเราในกลุ่มนี้ และประเมินราคาเป้าหมาย DCF ปี 2023 ที่ 36.50 บาท
Risks
COVID-19 ระบาด, เกิดเหตุก่อการร้ายครั้งใหญ่, เศรษฐกิจฟื้นตัวช้าเกินคาด