วิเคราะห์สถานการณ์ ราคาน้ำมัน (7 ก.ค. 66) ราคาน้ำมันดิบ ทรงตัว
วิเคราะห์สถานการณ์ ราคาน้ำมัน (7 ก.ค. 66) ราคาน้ำมันดิบ ทรงตัว หลังตลาดยังกังวลการปรับขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ ขณะที่สต็อกสหรัฐฯ ลดลงมากกว่าที่คาด
วิเคราะห์สถานการณ์ ราคาน้ำมัน (7 ก.ค. 66) ปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคาน้ำมัน
-/+ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ และ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส ทรงตัว หลังตลาดคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยในสหรัฐฯ และยุโรปมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ โดยตลาดคาดว่าการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในปลายเดือนนี้ มีโอกาสที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% จากตัวเลขการจ้างงานที่ยังอยู่ในระดับสูง ทั้งนี้ หากมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยอาจส่งผลต่อสภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก โดยปัจจุบันมีข้อมูลสนับสนุนจากตัวเลขการผลิตในอุตสาหกรรมและภาคบริการในจีนและยุโรปที่เริ่มปรับตัวลดลง
-/+ ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนในสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นกว่า 497,000 ตำแหน่ง ในเดือน มิ.ย. 66 มากกว่าในเดือน พ.ค. 66 ที่ปรับขึ้น 267,000 ตำแหน่ง สะท้อนถึงตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ยังคงแข็งแกร่ง
+ สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) เผยตัวเลขน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิ.ย. 66 ปรับตัวลดลง 1.5 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 452.2 ล้านบาร์เรล ลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 1.0 ล้านบาร์เรล
ราคาน้ำมันเบนซิน
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังโรงกลั่นฯ ในเกาหลีใต้จะเสร็จสิ้นการซ่อมบำรุงในช่วงปลายเดือน ก.ค. นี้ อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงหนุนจากรายงานตัวเลขการใช้น้ำมันของไต้หวันในเดือน พ.ค. 66 ที่ปรับเพิ่มขึ้น 3.4% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน มาอยู่ที่ระดับ 171,000 บาร์เรลต่อวัน
ราคาน้ำมันดีเซล
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปสงค์น้ำมันดีเซลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกปรับเพิ่มขึ้น และยังมีการนำเข้าน้ำมันจากอินเดียและประเทศแถบอ่าวเปอร์เซียอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงกดดันจากอุปสงค์ในไต้หวันเดือน พ.ค. 66 ที่ปรับตัวลดลง 1.9% เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา