วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ ลุ้นเงินเฟ้อสหรัฐฯ อาจออกมาต่ำคาด
ลุ้นตัวเลขเงินเฟ้อมีโอกาสต่ำคาดซึ่งจะเป็นบวกกับบรรยากาศลงทุนระยะสั้น บรรยากาศลงทุนหุ้นสหรัฐฯ เป็นบวก หลังมีการรายงานราคารถยนต์มือสอง (Used-vehicle prices) เดือนมิ.ย. -4.2% MoM และ -10.3% YoY
ทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีความเป็นไปได้สูงที่การรายงานตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ (CPI) อาจจะออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ ซึ่ง Bloomberg concensus คาดการณ์ตัวเลขเงินเฟ้อที่ +0.3% MoM และ +3.1% YoY / เงินเฟ้อไม่รวมพลังงานและอาหาร (Core CPI) +0.3% MoM และ +5.0% YoY ผลของคาดการณ์ดังกล่าวทำให้ค่าเงินสหรัฐฯ อ่อนค่าเร็ว ขณะที่ FedWatch Tool ประเมินโอกาสขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุม 25-26 ก.ค.นี้ที่ 91.8% และมองคงดอกเบี้ยไปถึงสิ้นปี ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อบรรยากาศลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงในระยะสั้น
ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้น ราคาน้ำมันดิบเริ่มทรงตัวเชิงบวก จากปัจจัยสำคัญได้แก่ 1) จีนส่งสัญญาณกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ซึ่งรวมถึงมาตรการพยุงตลาดอสังหาริมทรัพย์ 2) การขยายระยะเวลาปรับลดกำลังการผลิต 1 ล้านบาร์เรล ของซาอุดิอาระเบีย และการรปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มอีก 500,000 บาร์เรล ของรัสเซีย 3) ความต้องการใช้น้ำมันที่มีโอกาสเพิ่มขึ้น 23% จากนี้ไปถึงปี 2588 ซึ่งเป็นคาดการณ์ของเลขาธิการโอเปค ที่กล่าวในการประชุมว่าด้วยน้ำมันและก๊าซซึ่งจัดขึ้นที่ไนจีเรีย ทั้งนี้ราคาน้ำมันดิบปรับลดลงต่อเนื่องในช่วง 5 เดือนแรกของปีทำให้เราประเมินโอกาสปรับลดลงอย่างต่อเนื่องในครึ่งปีหลังลดลง ขณะที่ปัจจัยบวกจากอุปทานที่ตึงตัว จะเป็นปัจจัยให้กลุ่มพลังงานรายตัวมีโอกาสฟื้นหรือปรับขึ้น
ปัจจัยภายใน อาจผันผวนจากการโหวตนายกรัฐมนตรี ยังคงมีกระแสข่าวที่หลากหลายเกี่ยวกับการโหวตนายกรัฐมนตรีในวันที่ 13 ก.ค. ซึ่งอาจทำให้ตลาดผันผวน เรามองฉากทัศน์ที่มีโอกาสเกิดขึ้นดังนี้ 1) คุณพิธาเป็นนายกฯ และรัฐบาลนำโดยก้าวไกลและเพื่อไทย (โอกาส 40%) 2) คุณเศรษฐาเป็นนายกฯ และรัฐบาลนำโดยก้าวไกลและเพื่อไทย (โอกาส 40%) และ 3) นายกรัฐมนตรีเป็นบุคคลอื่น หรือเกิดการจับขั้วรัฐบาลที่นำโดยเพื่อไทย ขณะที่ก้าวไกลหลุดไปเป็นฝ่ายค้าน (โอกาส 20%) //เรามองทุกฉากทัศน์จะส่งผลให้ตลาดโดยรวมตอบรับเป็นบวกจากความชัดเจนของนโยบายในอนาคตที่มากขึ้น
ภาพรวมกลยุทธ์: แกว่งตัว 1,480-1,525 จุด ขณะที่ระยะกลาง 2-3 เดือน มีความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกกดดันให้เกิด de-rating ทำให้ในเชิงกลยุทธ์ ต้องกลับมาเน้นหุ้นที่โมเมนตัมกำไรเป็นบวก / Valuation ไม่แพง / ปันผลสูง (มี 1 หรือหลายข้อนี้รวมกัน)
หุ้นแนะนำ: SCB*, ESSO*, NSL*, ASW*
แนวรับ: 1,489 / แนวต้าน : 1,500-1,525 จุด
สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%
ประเด็นการลงทุนที่น่าสนใจ
สหรัฐเผยดัชนีความเชื่อมั่นธุรกิจขนาดย่อมปรับตัวขึ้น – ปรับตัวขึ้น 1.6 จุด สู่ระดับ 91.0 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน อย่างไรก็ดี ดัชนีความเชื่อมั่นยังคงปรับตัวต่ำกว่าระดับ 98 (ค่าเฉลี่ยในรอบ 49 ปี) เป็นเวลา 18 เดือนติดต่อกัน และยังคงถูกกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อและภาวะตึงตัวในตลาดแรงงาน แม้เจ้าของกิจการมีความเชื่อมั่นมากขึ้นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ
'บิ๊กตู่' วางมือการเมือง สูตรรัฐบาลข้างน้อยรวน - พล.อ.ประยุทธ์ วางมือทางการเมือง พร้อมลาออกจากพรรครวมไทยสร้างชาติ ด้าน “พีระพันธ์” ย้ำนายกฯ ต้องการปิดช่องตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย และไม่อยากให้มีการโยงเป็นประเด็นจนพรรคฯ ถูกวิพากษ์
JAS ยื่นแก้สัญญา JASIF – โดยยื่นขอเลิกประกันรายได้และแก้ไขสัญญาค่าเช่า 3BB กับ JASIF อีกรอบ แต่พร้อมขยายอายุสัญญาเช่าไปให้อีก 6 ปี ด้าน AIS มั่นใจปิดดีลซื้อ 3BB ภายใน Q3/66 นี้ ด้าน BBL พร้อมประกาศลดดอกและยืดหนี้ให้กองทุน JASIF ตามแผนเดิมเร็วๆ นี้
WHA ต่างชาติกระหน่ำจีบ เล็งปรับเป้า 2 พันไร่ – ต่างชาติเรียงคิวซื้อที่ดิน ตุน LOI กว่า 1 พันไร่ แย้มเร็วๆ นี้ จ่อขายที่ดินในเวียดนามให้รายใหญ่กว่า 300 ไร่ และเดือนสิงหาคม 2566 ขายที่ดินให้ลูกค้า EV เพิ่มอีก 200 ไร่ เล็งปรับเพิ่มเป้ายอดขายที่ใหม่ หลังคาดการณ์ยอดขายสิ้นปีนี้อาจพุ่งแตะ 2 พันไร่ จากเป้าหมายเดิมที่ 1.75 พันไร่
ประเด็นติดตาม: 12 ก.ค. - US CPI, CH Export/ 13 ก.ค. - US PPI, Initial Jobless Claims, CH NBS Press Conference, EU Economic Forecasts / 16 ก.ค. - CH GDP / 18 ก.ค. - US Retail Sales
(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)