วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ KKP ผลประกอบการ 2Q66 : NPL ที่เพิ่มขึ้นทำให้ credit cost เพิ่มตาม

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ KKP ผลประกอบการ 2Q66 : NPL ที่เพิ่มขึ้นทำให้ credit cost เพิ่มตาม

KKP รายงานกำไร 2Q66 อยู่ที่ 2.0 พันล้านบาท (-32% QoQ, -31% YoY) ต่ำกว่า consensus/ประมาณการของเรา 25%/19% เนื่องจากค่าใช้จ่ายสำรองฯ (credit cost) เพิ่มขึ้นอย่างมากสำหรับสินเชื่อรายย่อย และสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่

ทั้งนี้ กำไรสุทธิในงวด 1H66 อยู่ที่ 3.5 พันล้านบาท (-15%) คิดเป็น 51% ของประมาณการกกำไรเต็มปีของเรา

 

NIM เพิ่มขึ้นในขณะที่สินเชื่อขยายตัวในอัตราที่แผ่วลง

สินเชื่อรวมขยายตัว 3% QoQ และ 17% YoY ซึ่งเมื่อแยกเป็นรายกลุ่มพบว่าสินเชื่อ H/P ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงที่ +2% QoQ และ +12% YoY สอดคล้องกับกลยุทธ์ของธนาคารที่จะลดการขยายสินเชื่อดอกเบี้ยคงที่ในกลุ่ม H/P ในขณะเดียวกัน สินเชื่อ yield สูงในกลุ่มที่อยู่อาศัยยังเร่งตัวขึ้น +14% QoQ และ 24% YoY ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ NIM เพิ่มขึ้น +14bps QoQ และ +16bps YoY ส่งผลให้ NII เพิ่มขึ้น +5%QoQ และ 23% YoY ใน 2Q66 และเพิ่มขึ้น +22% ใน 1H66

 

รายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้น

ถึงแม้ว่าภาวะตลาดทุนจะไม่เอื้ออำนวย แต่รายได้ค่าธรรมเนียมของ KKP ยังเพิ่มขึ้น +9% QoQ และ +5% ใน 2Q66 แต่ลดลง -5% ใน 1H66 เพราะรายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นจากธุรกิจ IB และการค้าอนุพันธ์

 

 

 

ยังคงมีผลขาดทุนก้อนใหญ่จากการขายรถที่ยึดมา

ผลขาดทุนจากการขายรถที่ยึดมาลดลงเล็กน้อยเหลือ 978 ล้านบาทใน 2Q66 จาก 1.1 พันล้านบาทในไตรมาสก่อนหน้า แต่ยังถือว่าสูงมากอยู่ โดยสูงกว่าระดับปกติถึงเกือบเท่าตัวย

 

NPLs เกิดใหม่จากสินเชื่อ H/P ยังเพิ่มขึ้น ในขณะที่มี NPLs เกิดใหม่จากสินเชื่อกลุ่มใหม่เพิ่มเข้ามา

ตัวเลข NPLs เพิ่มขึ้น 9% QoQ และ 36% YoY โดย NPLs เกิดใหม่จากสินเชื่อ H/P ยังอยู่ในระดับเท่าเดิม (+10% QoQ และ +102% YoY) แต่มี NPLs เกิดใหม่เพิ่มเข้ามาจากสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ ซึ่งทำให้ธนาคารต้องตั้งสำรอง ( credit cost) เพิ่มขึ้นเป็น 3% (จาก 2.4% ในไตรมาสก่อนหน้า และ 1.4% ใน 2Q65)

 

Valuation & Action

เนื่องจากสินเชื่อของ H/P ของ KKP เน้นที่ตลาดรถมือสองในต่างจังหวัด การฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ไม่เท่าเทียมกันจึงน่าจะเพิ่มแรงกดดันต่อฐานลูกค้าของ KKP นอกจากนี้ การตรึงเพดานอัตราดอกเบี้ยรถมือสองเอาไว้ที่ 15% (มีผลตั้งแต่ต้นปี 2566) ยังสร้างแรงกดดันต่อ yield สินเชื่อของธนาคารเมื่อเทียบกับ credit cost ที่เพิ่มขึ้นด้วย ทั้งนี้ เนื่องจากกำไรในงวด 1H66 คิดเป็น 51% ของประมาณการกำไรเต็มปีของเรา ดังนั้น ภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่อ่อนแอลงอาจจะกระทบกับประมาณการกำไรปีนี้ของเราได้ เรายังคงคำแนะนำ ถือ และประเมินราคาเป้าหมายที่ 72.00 บาท (PE ที่ 11x)

 

Risks

NIM ลดลง, NPLs เพิ่มขึ้นทำให้ credit cost เพิ่ม.

 

 

 

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ KKP ผลประกอบการ 2Q66 : NPL ที่เพิ่มขึ้นทำให้ credit cost เพิ่มตาม