วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ TFG แนวโน้มใน 2H66F ดูไม่น่าตื่นเต้น
เนื่องจากราคาหมูในประเทศตกต่ำต่อเนื่องถึงใน 2H66F เราคาดว่ากำไรของ TFG จะยังถูกกดดันจาก GPM ที่อ่อนแอ (10.8% จาก 11.2% ใน 1H66)
ในขณะเดียวกัน การส่งออกน่าจะไม่เพิ่มขึ้นในครึ่งหลังของปีนี้ เพราะปริมาณการส่งออกน่าจะใกล้เคียงกับในครึ่งแรก และราคาน่าจะขึ้นลงต่างกันไปในแต่ละประเทศ แต่ยังมีแง่บวก คือร้านค้าปลีกของ TFG ยังประสบความสำเร็จอย่างงดงาม โดยยอดขายเฉลี่ยต่อร้านต่อวันเพิ่มขึ้นเป็น 135,300 บาทใน 2Q66 จาก 119,500 บาทในปี 2565 ทั้งนี้ TFG มีแผนจะลดยอดขายผ่านช่องทางที่ margin ต่ำ และเพิ่มยอดขายผ่านร้านค้าของบริษัทเพื่อเพิ่ม margin โดยบริษัทตั้งเป้าจะเพิ่มจำนวนร้านค้าปลีกเป็น 400 ในปี 2566F และขยายเพิ่มเป็น 600-700 ร้านในปี 2567F จาก 287 ร้านใน 2Q66
ขยายกำลังการผลิตขนานใหญ่เสร็จเรียบร้อยแล้ว
ที่ผ่านมา TFG เพิ่มกำลังการผลิตหมู 34% เป็น 1.2 ล้านตัว/ปี และเพิ่มกำลังการผลิตไก่ 3% เป็น 500,000 ตัว/ปี นอกจากนี้ ในปีหน้า บริษัทจะเปิดโรงเชือดไก่ใหม่ (กำลังการผลิต 100,000 ตัว/วัน) โดยคาดว่าจะเริ่มเปิดดำเนินการได้ใน 1Q67F และบริษัทตั้งเป้าหมายว่าจะช่วยเพิ่มสินค้าประเภทไก่ในร้านค้าปลีกของบริษัท สำหรับระยะต่อไป นอกจากการขยายร้านค้าปลีกแล้ว บริษัทไม่คิดว่าจะมีการลงทุนขนานใหญ่ใหม่ ๆ อีก และจะเน้นลดต้นทุนเพื่อเพิ่ม margin ดังนั้น เราจึงคาดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยของ TFG จะยังทรงตัวอยู่ในระดับใกล้เคียงปัจจุบันที่ประมาณ 300 ล้านบาท/ไตรมาส
แนวโน้มใน 2H66F ดูไม่น่าตื่นเต้น
เราคาดว่ากำไรของ TFG ใน 2H66F จะยังค่อนข้างอ่อนแอกว่าปกติ และปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2566F ลง 59% เหลือ 927 ล้านบาท เนื่องจากเรา i) ปรับลดสมมติฐานยอดขายลง 12% และ ii) ปรับลดสมมติฐาน GPM ลง 2.1ppts เหลือ 11.0% นอกจากนี้ เรายังปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2567F ลง 21% เหลือ 2.33 พันล้านบาท เนื่องจากเรา i) ปรับลดสมมติฐานยอดขายลง 13% และ ii) ปรับลดสมมติฐาน GPM ลง 0.4ppt เหลือ 13.2%
Valuation & action
เรายังคงคำแนะนำ ถือ TFG และขยับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2567 ที่ 4.00 บาท อิงจาก PER ที่ 10.6x (PER เฉลี่ยระยะยาว) จากเดิมที่ 4.80 บาท
Risks
ต้นทุนอาหารสัตว์ และค่าขนส่งสูงขึ้น, เศรษฐกิจชะลอตัวลง, ราคาเนื้อสัตว์ตกต่ำ