วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ ติดตามปัจจัยภายนอกภายในที่กระทบกับการลงทุน

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ ติดตามปัจจัยภายนอกภายในที่กระทบกับการลงทุน

ปัจจัยภายนอกติดตามการประชุมประจำปีธนาคารกลางสหรัฐฯ และแผนแก้ปัญหาเศรษฐกิจของจีน ติดตามการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่ Jackson Hole ที่คาดว่าจะมีการส่งสัญญาณการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสำคัญๆ

อาทิ สหรัฐฯ, ยุโรป และญี่ปุ่น ขณะเดียวกันติดตามการดำเนินนโยบายของรัฐบาลจีน และธนาคารกลางจีนในการแก้ปัญหาวิกฤติภาคอสังหาริมทรัพย์และการสร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาดทุน

ปัจจัยภายในติดตามสถานการณ์การเมือง 22 ส.ค. ซึ่งในวันดังกล่าวจะมีเหตุการณ์สำคัญ 2 อย่างได้แก่ การประกาศกลับไทยของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร และการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี รอบที่ 3 ทั้งนี้หากแคนดิเดตเพื่อไทยอย่างคุณเศรษฐา ทวีสิน ได้รับการรับรองจะเป็นบวก เนื่องจากแสดงถึงอำนาจต่อรองของเพื่อไทยที่ยังอยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ตามเรามีมุมมองเป็นลบหากที่สุดนายกรัฐมนตรีมาจากพรรคอื่น เนื่องจากแสดงถึงอำนาจต่อรองของพรรคแกนนำที่อยู่ในระดับต่ำ ส่งผลต่อเอกภาพของการดำเนินนโยบายของรัฐบาล
 

FTSE ประกาศทบทวนดัชนีรายไตรมาส มีผลบังคับใช้ ณ ราคาปิดวันที่ 15 ก.ย. มีรายละเอียดดังนี้ Large Cap : (+) เข้า TRUE / (-) ออก  AWC, GPSC // Mid Cap : (+) เข้า  AWC, GPSC / (-) ออก  STGT, TRUE // Small Cap : (+) เข้า  STGT / (-) ออก  VIBHA // Micro Cap : (+) เข้า  ACE, AURA, B, DCC, EPG, HYDROGEN, LHHOTEL, NEX, OISHI, PJW, PRINC, PTL, RBF, RCL, SUN, TRU / (-) ออก  7UP, ACC, AIE, AMR, APCS, BEAUTY, BIOTEC, CFRESH, CSS, EE, FN, INOX, LOXLEY, MDX, MTI, PRIME, RML, RT, SAPPE, SDC, SISB, SJWD, SKY, SM, SRICHA, SUC, TC, TEAM, W, WP

 

ภาพรวมกลยุทธ์: ยังระวังแรงกดดันจากการขายทำกำไรในตลาดหุ้นโลกอาจมากระทบบรรยากาศลงทุนหุ้นไทย กลุ่มที่น่าสนใจช่วงนี้คือ 1) หุ้นขนาดกลางขนาดเล็กที่มีการถือครองต่ำ 2) กลุ่มที่ผลประกอบการครึ่งปีหลังจะออกมาดีหรือดีต่อเนื่อง 3) หุ้นที่มีปัจัยบวกเฉพาะตัว

หุ้นแนะนำ: CPN*, CPF*, PTG*, AMATA*

แนวรับ: 1,500-1,515 / แนวต้าน : 1,535-1,545 จุด 

สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%


 

ประเด็นการลงทุนที่น่าสนใจ

รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศขึ้นค่าแรงมากสุดเป็นประวัติการณ์ – ญี่ปุ่นจะเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำรายชั่วโมงสู่ระดับเฉลี่ย 1,004 เยน ซึ่งสูงกว่าระดับที่เสนอโดยคณะกรรมการที่ปรึกษาของรัฐบาล เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อส่งผลกระทบต่ออำนาจการใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งนับเป็นการปรับขึ้นค่าแรงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 1978 โดยการปรับขึ้นค่าแรงครั้งใหม่จะมีผลในเดือนต.ค.นี้

ORI ลุยเปิดโครงการใหม่กว่า 24 โครงการ – ภายใน 2H23 มูลค่ากว่า 2.87 หมื่นลบ. ทั้งแนวสูงพร้อมแนวราบ หนุนเป้ายอดขายที่ 3.5 หมื่นลบ. ขณะที่ ยอดโอนครึ่งปีหลังมีคอนโด 7 โครงการ แนวราบ 15 โครงการ ดันรายได้ตามเป้า 3 หมื่นลบ. คาดมาร์จิ้นดีขึ้น

WHA จ่อปิดดีลฉางอัน - ผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่จากจีน เพื่อลงทุนตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ EV เฟสแรกมูลค่า 8,000-9,000 ล้านบาท ประเดิมกำลังการผลิต 100,000 คันต่อปี ด้านเลขาฯ บีโอไอ คอนเฟิร์มรัฐบาลจีนอนุญาตฉางอันลงทุนนอกประเทศแล้ว

PTTEP การันตียอดขายก๊าซเอราวัณ - มั่นใจผลิตก๊าซเอราวัณ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันภายใน เม.ย. 67 จากปัจจุบันทำได้แล้ว 400 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน พร้อมเร่งผลิตน้ำมันแอลจีเรีย เพิ่มเป็น 1.7 หมื่นบาร์เรลต่อวันในไตรมาส 4/66 หนุนปริมาณขายปิโตรเลียมปีนี้ตามเป้า 4.7 แสนบาร์เรลต่อวัน 

หุ้นที่น่าสนใจทางเทคนิค: TCAP, DMT, ERW, BCH, BJC, BA, MC, AUCT

 

ประเด็นติดตาม: 21 ส.ค. – TH GDP/ 22 ส.ค. – US Exitsting Home Sales/ 23 ส.ค. – EU HCOB PMI, US Building Permits, New Home Sales, S&P Global PMI, TH Exports

 (* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)