วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.โกลเบล็ก CEYE กำไร 2Q66 เติบโตสูง YoY แต่หดตัว QoQ
กำไร 2Q66 แม้ลดลง 26%QoQ แต่เติบโตสูง 2,022%YoY จากฐานต่ำ : งวด 2Q66 มีรายได้จากการให้บริการ 117 ล้านบาท +74%YoY จากการเติบโตของรายได้ในทุกกลุ่มธุรกิจ รายได้จากการให้บริการผลิตและตบแต่งภาพนิ่ง (สัดส่วน 56% ของรายได้) +74%YoY
รายได้จากการให้บริการผลิตและตบแต่งภาพเคลื่อนไหว (สัดส่วน 28%) +66%YoY รายได้จากการวางแผนกลยุทธ์และผลิตสื่อดิจิตอล (สัดส่วน 12%) +98%YoY ประกอบกับการเริ่มรับรู้รายได้เต็มไตรมาสของบริษัทใหม่ที่เข้าไปลงทุน (บจ. ซีอาล๊อต บูทีค โพสท์โปรดักชั่น (ZEALOTS) ผู้ดำเนินธุรกิจ Post-Production ภาพเคลื่อนไหว และ บจ. เออเบิร์น มีเดีย ครีเอชั่น (UMC) ธุรกิจตัวแทนโฆษณา) กำไร 16 ล้านบาท ใกล้เคียงตามคาด - 26%QoQ โดยมีอัตรากำไรขั้นต้น 29.2% ลดลงจาก 31.9% ใน 1Q65 แต่เพิ่มขึ้นจาก 22.5% ใน 2Q65 อัตรากำไรสุทธิ 14.2% ปรับดีขึ้นจาก 1.2% ใน 2Q65 เมื่อเทียบ YoY กำไรเติบโตสูงจากฐานต่ำใน 2Q65 ที่มีค่าใช้จ่ายพิเศษในการจัดงานบางกอกไพรด์ 2022 เรนโบว์โทเปีย และค่าใช้จ่ายในการ IPO หากตัดรายการพิเศษออกกำไรปกติเติบโต 183%YoY งวด 1H66 มีกำไร 38.9 ล้านบาทเติบโต 72%YoY คิดเป็น 57% ของประมาณการเดิมที่ 67 ล้านบาท
- แนวโน้มรายได้ 2H66 ดีกว่า 1H66 : รายได้ในช่วงครึ่งปีหลังมีแนวโน้มเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในทุกธุรกิจจากความต้องการที่เพิ่มขึ้น การเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นใน 4Q66 และการควบรวมกิจการกับ ZEALOTS และ UMC ที่เสร็จเรียบร้อยตั้งแต่ 1Q66 นอกจากนี้แผนเข้าถือหุ้นสัดส่วน 30% ในบจ.ไวท์ ไลท์ สตูดิโอผู้ประกอบธุรกิจให้บริการแก้ไขและควบคุมสีของภาพเคลื่อนไหวและงานวีดีทัศน์ ซึ่งคาดกระบวนการจะแล้วเสร็จราว 4Q66 ช่วยสนับสนุนให้ปี 66 ยังมีผลการดำเนินงานเติบโตต่อเนื่อง สำหรับงวด 3Q66 เราคาดการณ์รายได้ราว 112 ล้านบาท -4%QoQ, +43%YoY และกำไรราว 14 ล้านบาท +8%QoQ,+16%YoY
- ประมาณการกำไรปี 66 ที่ปรับเพิ่มขึ้น 10% เติบโต 42%YoY : เพื่อสะท้อนภาพรวมอุตสาหกรรมโฆษณาที่มีอุปสงค์เพิ่มขึ้นมากตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และ synergy จากพันธมิตรใหม่ทำให้ฝ่ายวิจัยปรับประมาณการรายได้เพิ่มขึ้น 6% เป็น 480 ล้านบาท +32%YoY ปรับเพิ่มสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นจากเดิม 30% เป็น 30.4% ทำให้ประมาณการกำไรสุทธิปี 66 ใหม่เพิ่มขึ้น 10% เป็น 74 ล้านบาท +42%YoY แม้ว่ากำไรในปี 65 เติบโตสูง 83%YoY
- คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 7 บาท : การประเมินราคาเหมาะสมโดยใช้ Prospective PER ที่ลดลงเหลือ 28x จากเดิม 30x เพื่อให้สอดคล้องกับ historical PER ที่ลดลง (PER เฉลี่ยกลุ่ม media ในตลาด SET = 40.5x) ขณะที่ประมาณกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ปี 66 ใหม่เท่ากับ 0.25 บาทต่อหุ้น (เดิม 0.23 บาทต่อหุ้น) คำนวณเป็นราคาเหมาะสมได้เท่ากับ 7 บาทซึ่งยังมี upside จากราคาปิดล่าสุด เราจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”
ปัจจัยเสี่ยง
i) ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวทำให้ลูกค้าชะลอ และ/หรือลดปริมาณการจัดทำสื่อโฆษณา
ii) ต้นทุนการดำเนินงานเพิ่มขึ้น