วิเคราะห์หุ้น : บล.กรุงศรี Food Sector - ราคาเนื้อสัตว์ที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลดีกับผู้ผลิตเนื้อสัตว์
ราคาหมู (หน้าฟาร์ม) เพิ่มขึ้นเป็น 68 บาท/กก. ในเดือนพฤศจิกายน 2023 จาก 60 บาท/กก. ในเดือนตุลาคม 2023 ตามข้อมูลของ CPF (CPF, ยังไม่มีคำแนะนำ)
นอกจากนี้ ราคาไก่ยังเพิ่มขึ้น 7% mom เป็น 38.50 บาท/กก. ในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งน่าจะส่งผลดีกับ CPF (CPF, ยังไม่มีคำแนะนำ) ซึ่งรายได้จากหมูและไก่รวมกันอยู่ที่ประมาณ 80% และ Betagro (BTG, ยังไม่มีคำแนะนำ) ซึ่งรายได้จากหมูและไก่ รวมกันอยู่ที่ประมาณ 61% แต่ในทางกลับกัน ราคาเนื้อสัตว์ที่สูงขึ้นจะส่งผลกระทบด้านลบต่อผู้ประกอบการร้านอาหาร อย่างเช่น MK restaurant (M, ยังไม่มีคำแนะนำ) ซึ่งต้นทุนหมูคิดเป็นประมาณ 20% ของต้นทุนขาย (COGS) ในขณะเดียวกัน ราคาปลาทูน่าลดลงมาอยู่ที่ USD1,500/ton ในเดือนพฤศจิกายน จาก USD1,600/ton ในเดือนตุลาคม ซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อ TU (แนะนำซื้อ, ราคาเป้าหมาย 17.50 บาท) เพราะต้นทุนปลานทูน่าที่ลดลง (43% ของ COGS) จะช่วยหนุนให้อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้นในปี 2024F
ถึงแม้ราคาเนื้อสัตว์จะขึ้น แต่ยังต่ำกว่าระดับคุ้มทุน
ผู้บริหารของ CPF บอกว่าระดับราคาหมูและไก่ที่คุ้มทุนในปัจจุบันอยู่ที่ 75 บาท/กก. และ 38 บาท/กก. ตามลำดับ ซึ่งหมายความว่า CPF ยังคงมีผลขาดทุนจากธุรกิจหมูอยู่ เพราะราคาขายที่ 68 บาท/กก. ยังต่ำกว่าต้นทุนอยู่ 9.3% ส่วนในธุรกิจไก่ ราคาขายที่ 38.50 บาท/กก. สูงกว่าต้นทุนที่ 38 บาท/กก. เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งหมายความว่า CPF อาจจะยังมีผลขาดทุนต่อไปอีกระยะหนึ่ง โดย CPF มีผลขาดทุน 5.3 พันล้านบาทในงวด 9M23 และเราคาดว่าผลขาดทุนใน 4Q23 จะใกล้เคียงกับผลขาดทุน 1.8 พันล้านบาทใน 3Q23 เนื่องจากราคาหมูที่ดีขึ้น qoq จะหักล้างกับไปกับผลของปัจจัยฤดูกาลในช่วง low season ใน 4Q เรามองกลาง ๆ กับกลุ่มผู้ผลิตเนื้อสัตว์จากข่าวราคาหมูสูงขึ้น เพราะยังไม่มากพอที่จะพลิกให้มีกำไรได้ ส่วนในฝั่งของผู้ประกอบการร้านอาหาร ซึ่งรวมถึง M ด้วย (M, ยังไม่มีคำแนะนำ) นั้น ราคาหมูที่สูงขึ้น จะส่งผลกระทบกับอัตรากำไรขั้นต้น
แต่ในอีกด้านหนึ่ง TU มีแนวโน้มกำไรดีขึ้นจากอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นเพราะต้นทุนปลาทูน่าลดลง เราคาดว่ากำไรจากธุรกิจหลักของ TU จะเพิ่มขึ้น 11% ในปี 2024F จากยอดขายที่เพิ่มขึ้น 5.1% และอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น 0.7ppt เป็น
17.2%
คงคำแนะนำซื้อ TU โดยประเมินราคาเป้าหมายที่ 17.50 บาท
เราชอบ TU และเชื่อว่าอัตรากำไรที่มีแนวโน้มดีขึ้นจะเป็นปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้น เราคิดว่า TU เป็นหุ้นกลุ่มอาหารที่ดีที่สุด และยังคงคำแนะนำซื้อ โดยประเมินราคาเป้าหมายที่ 17.50 บาท