วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ หุ้นรายตัวยังมีแนวโน้มเคลื่อนไหวดีกว่าภาพรวมตลาด

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ หุ้นรายตัวยังมีแนวโน้มเคลื่อนไหวดีกว่าภาพรวมตลาด

ภาพรวมปัจจัยภายนอกไม่มีปัจจัยลบใหญ่ที่มีผลต่อการเปลี่ยนโมเมนตัมตลาดในระยะสั้น หลังการส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในปีหน้า ซึ่งส่งผลให้ผลตอบแทนพันธบัตรปรับ 10 ปี สหรัฐฯ ลดลงต่อเนืองจนต่ำกว่าระดับ 4% (จากสูงสุดที่ 5%)

ขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรไทย 10 ปี ปรับลดลงเหลือ 2.81% (จากสูงสุดแถว 3.3%) ระยะสั้นเรามองปัจจัยที่มีโอกาสเปลี่ยนแปลงโมเมนตัมของตลาดจะอยู่ที่การประชุมเฟด 20 มี.ค.67 ซึ่งหากมีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายอย่างที่ตลาดคาด อาจกลายเป็นประเด็นที่ทำให้ตลาดกลับมาฉุกใจกังวลถึงความเสี่ยงของการเกิดเศรษฐกิจถดถอยในช่วงปี 2567 ได้ ดังนั้นเรามองโมเมนตัมการเก็งกำไรโดยรวมจะยังเป็นบวก แม้อาจจะมีประเด็นติดตามเข้ามาเป็นระยะ โดยวันนี้ตลาดจะติดตามการส่งสัญญาณเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) วันนี้ ซึ่งอาจเข้มงวดขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการทำกำไรสินทรัพย์เสี่ยงระยะสั้น เพื่อคืนเงินกู้ยืมสกุลเงินเยนได้ 

หุ้นขนาดกลาง-เล็ก มีแนวโน้มเริ่มฟื้นตัวได้ดี เมื่อพิจารณาหุ้นไทยจากดัชนี FTSE SET Large/Mid/Small Caps เทียบกับ SET Index ตลาดหุ้นไทยนับจากต้นปีถึงปัจจุบัน ปรับลดลง 16.5% โดยหุ้นขนาดใหญ่ปรับลดลง 12% ขณะที่หุ้นขนาดกลาง-เล็กปรับลดลงมากกว่าที่ 21% และ 20% ขณะที่ PER ในปัจจุบันหุ้นใหญ่และกลางอยู่ที่ 14.82 และ 14.26 ขณะที่หุ้นเล็กอยู่ที่ 10.78 เท่า ขณะที่ผลตอบแทนเงินปันผลหุ้นใหญ่-กลาง-เล็ก อยู่ที่ 3.10%, 4.00% และ 3.73% ซึ่งจะเห็นว่าหุ้นกลางและเล็กเริ่มอยู่ในจุดที่ผลตอบแทนและ Valuation เริ่มมีความจูงใจ ทำให้เราประเมินจะเห็นการเคลื่อนไหวที่ดีในกลุ่มเหล่านี้ในช่วงที่ตลาดไม่มีความเคลื่อนไหวจากเงินทุนต่างชาติที่ชัดเจน 
 

ภาพรวมกลยุทธ์ การกลับมายืนเหนือ 1,366 จุด ทำให้ภาพตลาดเป็นการฟื้นตัวในกรอบ 1,366-1,430 จุด โดยช่วงสั้นมีโอกาสลุ้นทดสอบ 1,400-1,430 จุด กลุ่มหุ้นที่กระแสเงินสดดีและปันผลสูง ค่อนข้างยืนได้ดีและแข็งแกรงกว่าภาพรวม จะเป็นตัวประคองตลาด และอาจทำให้หุ้นกลางหุ้นเล็ก รวมถึงหุ้นไวต่อดอกเบี้ย ฟื้นได้ดีในช่วง 2 เดือนนี้

หุ้นแนะนำ: CPN*, CPALL*, ETL*, EPG*

แนวรับ: 1,370 / แนวต้าน : 1,400 จุด 

สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%

 

ประเด็นการลงทุนที่น่าสนใจ

DELTA ไม่หลุด SET50, KCE เข้าแทน TIDLOR มีผล 2 ม.ค.67 – SET50 หุ้นเข้า KCE หุ้นออก TIDLOR ส่วน SET100 หุ้นเข้า AEONTS, ICHI, ITC, M, MOSHI, RBF, SAPPE, SISB, TKN, TOA หุ้นออก ACE, CKP, MBK, PSL, PTG, SABUY, STEC, THANI, TIPH, TQM (อินโฟเควสท์)

วันนี้ที่ประชุม ครม. เตรียมชงค่าไฟ ลดภาษีไวน์-สุราชุมชน ลุยยกเลิกดิวตี้ฟรีขาเข้าทุกสนามบิน หนุนต่างชาติเที่ยวไทยเป็นสวรรค์ - วันนี้ (19 ธ.ค) รมว.พลังงาน จะเสนอให้พิจารณาปรับลดค่าไฟฟ้างวดใหม่ ม.ค.-เมย.67 โดยตัวเลขค่าไฟจะไม่เกินที่ 4.20 บาท/หน่วย ในส่วนของภาคครัวเรือนที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกินจำนวน 300 หน่วย จะมีแนวทางช่วยเหลือให้อยู่ที่ราคาเดิม คือ 3.99 บาท/หน่วย และ นโยบายลดภาษีไวน์-สุรา และยกเลิก duty free ขาเข้า (ทันหุ้น)
 

จับตาวันพุธ ติดตามประเด็นถกค่าแรง และปัจจัยปัญหาจากการควบรวมถึง กสทช. – รมว. แรงงาน นำมติขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 2-16 บาทรวมกลุ่ม 17 จังหวัดของบอร์ดค่าจ้าง เพื่อนุมัติภายในเดือน ธ.ค. ละประกาศใช้พร้อมกัน 1 ม.ค. 2567 (กรุงเทพธุรกิจ)

‘ทริส’ หั่นเรทติ้ง ITD สู่ระดับ Junk Bond หลังเผชิญปัญหาสภาพคล่อง - “ทริสเรทติ้ง” หั่นเครดิต ITD สู่ระดับ Junk Bond หลังความเสี่ยงด้านสภาพคล่องสูงขึ้น ขณะที่ผลดำเนินงานยังอ่อนแอ แถมมีภาระหนี้สูง เผยยังมีความเสี่ยงที่จะถูกหั่นเรทติ้งลงอีกใน 12-18 เดือนข้างหน้า ถ้ายังเผชิญปัญหาสภาพคล่อง (กรุงทพธุรกิจ)     

TESG - ในกลุ่มที่มี ESG rating AAA และ AA ที่มีโอกาสเป็นเป้าหมายการเข้าซื้อ ได้แก่ ADVABC, BCP, CPALL, CPAXT, CPF, CRC, PTT, SCGP, TISCO, BCPG, BDMS, CPN, EA, EGCO, MAJOR, RATCH, SCB เป็นต้น

 

ประเด็นติดตาม: 19 ธ.ค. - US Building Permit/ 20 ธ.ค. - US CB Consumer Confidence, Existing Home Sales/ 21 ธ.ค. - US GDP (Q3), Initial Jobless Claims, Philadelphia Fed Manufacturing Index

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)