วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จับตา แรงขายสินทรัพย์เสี่ยง ก่อนรายงานเงินเฟ้อสหรัฐฯ

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จับตา แรงขายสินทรัพย์เสี่ยง ก่อนรายงานเงินเฟ้อสหรัฐฯ

ทางเทคนิค คาด SET Index เคลื่อนไหว Sideways Up แนวต้าน 1,440/1,445 จุด แนวรับ 1,423 (EMA 5 วัน)/1,418 จุด อิงตลาดหุ้นไทยยังคงอยู่ในช่วงของแนวโน้มขาขึ้น โดยมีแนวต้านสำคัญที่ 1,445 จุด/1,450 จุด (EMA 25 สัปดาห์)

โดยการเปลี่ยนแปลงสัญญาณเป็นขาลง (Sell Signal) จะเกิดขึ้นหากดัชนีฯ ร่วงต่ำกว่า EMA 10/25 วัน ที่ 1,419/1,408 จุด

ประเด็น Event สำคัญ วันนี้

-มุมมองเชิงลบต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ: คาดตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีความเสี่ยงปรับฐาน จาก Yield Curve เปลี่ยนจากทิศทางขาลง เป็นทิศทาง ขาขึ้น อิง US Bond Yields ปรับตัวขึ้นทั้ง Curve โดย US 10Y Bond Yield +13.4 bps. WoW อยู่ที่ 3.93% สูงกว่า US 2Y Bond Yield +9.2 bps. WoW อยู่ที่ 4.39% ทำให้ส่วนต่าง (Spread) กลับมาลดช่วงการติดลบลงจาก -0.44% เป็น -0.39% +5 bps. WoW สะท้อนถึงการเปลี่ยนทิศของ Yield Curve จากภาวะ Bull Flattening (กังวลเศรษฐกิจชะลอตัว) ไปสู่ภาวะ Bear steepening (กังวลดอกเบี้ยสูงยาวนาน) ซึ่งเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่าสหรัฐฯ กำลังกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจลดลง และเริ่มกังวลกับภาวะดอกเบี้ยสูงยาวนานมากขึ้น (High for long) ซึ่งจะส่งผลลบต่อสินทรัพย์เสี่ยง โดยเฉพาะหุ้นเติบโตสูงในกลุ่มเทคโนโลยีผู้นำตลาด 7 บริษัทฯ (NVDA, META, TSLA, AMZN, GOOGL, MSFT และ AAPL) ซึ่งมี Market cap รวมกันสูงถึง 30% ของดัชนี S&P500 ที่มีความเสี่ยงต่อการ De-rate Valuation ที่รุนแรง

-ตลาดหุ้นไทย: กลยุทธ์ลงทุนสัปดาห์นี้ เปลี่ยนจาก ซื้อเก็งกำไร เป็น ทยอยขายทำกำไร อิงขาขึ้นของตลาดหุ้นไทยเริ่มมีจำกัด อิงการปรับขึ้นของตลาดหุ้นไทยตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ Market Risk Premium ลดลงมาที่ 4% ที่เป็นจุดพิจารณาขายทำกำไร เมื่อผนวกกับความเสี่ยงของตลาดหุ้นต่างประเทศอาจมีการปรับฐานรอบใหญ่ เพราะกังวลเฟดอาจคงดอกเบี้ยสูงยาวนาน ซึ่งจะหนุนค่าเงิน USD แข็งค่า และทำให้โอกาสเม็ดเงินไหลเข้าตลาดหุ้นไทยลดลง

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จับตา แรงขายสินทรัพย์เสี่ยง ก่อนรายงานเงินเฟ้อสหรัฐฯ

 

 

ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญวันนี้

+US รายงาน Consumer Inflation Expectation เดือน ธ.ค. (คาดการณ์อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า): Consensus คาดปรับลดลงต่อเนื่องเป็น 3.3% YoY (Vs เดือน พ.ย. 3.4% YoY) ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน เม.ย. 2021 และหลังจากขึ้นไปสูงสุด 5% YoY เมื่อเดือน ม.ค. 2023 บนคาดการณ์ราคาพลังงาน ค่าเช่า มีแนวโน้มเติบโตลดลงเทียบปีก่อน (สัญญาณเงินเฟ้อที่ปรับลดลงสอดคล้องกับคาดการณ์ของ Bloomberg Consensus ที่คาดว่าเงินเฟ้อสหรัฐฯ ปี 2024E จะลดลงมาอยู่ที่ 2.6% YoY เทียบกับ 4.1% YoY ในปี 2023 และสอดคล้องกับมุมมองของผจก.กองทุนโลก อิงจากการสำรวจของ Bank of America เดือน ธ.ค. ล่าสุด พบว่า 75% ของผลสำรวจคาดว่าเงินเฟ้อโลกมีแนวโน้มปรับลดลงต่อเนื่อง และเพิ่มโอกาสให้เฟดมีโอกาสปรับลดดอกเบี้ยในปี 2024E (Dot Plot ของเฟดคาดปรับลดดอกเบี้ย 3 ครั้ง ส่วน CME FedWatch Tool คาดปรับลด 6 ครั้ง)

+EU สัญญาณเศรษฐกิจอียูมีแนวโน้มฟื้นตัวจากภาวะ Recession: อิง Consensus คาดยอดค้าปลีกเดือน พ.ย. ดีขึ้น +0.3% MoM, –1% YoY (Vs เดือน ต.ค. +0.1% MoM, -1.2% YoY) Economic Sentiment เดือน ธ.ค. ปรับสูงขึ้นเป็น 94.1 (Vs เดือน พ.ย. 93.8) ขณะที่ Consumer Inflation Expectations เดือน ธ.ค. คาดลดลงเป็น 8.5% (Vs เดือน พ.ย. 9.3%) ทั้งนี้ Bloomberg Consensus คาด เศรษฐกิจอียูมีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะ Recession ในปี 2023E เห็นได้จากการคาดการณ์ 4Q23E GDP Growth เติบโต -0.1% QoQ เติบโตลดลงต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่สอง ต่อจาก 3Q23 GDP Growth ที่ขยายตัว -0.1% QoQ ก่อนที่จะมีสัญญาณฟื้นตัวในปี 2024E (คาด 1Q-4Q24E เติบโต +0.1% QoQ, +0.2% QoQ, +0.3% QoQ, +0.4% QoQ ตามลำดับ และทั้งปี 2024E เติบโต 0.5% YoY เท่ากับ 2023E)

กลยุทธ์ลงทุน แนะนำ หุ้นบลูชิพที่มีประเด็นบวก ได้แก่ BDMS BEM และ CENTEL

 

 

 

Strategic daily picks

BDMS   ปิด 27.50 บาท/แนวรับ 26 บาท แนวต้าน 29.25 บาท

บริษัทฯ วางแผนเพิ่มรายได้จากจำนวนผู้ป่วยและรักษาโรคซับซ้อนมากขึ้น หนุนจาก 1) ผู้ป่วย สปส. พรีเมียม (ชำระเงินร่วม สปส. และประกันสุขภาพ/ประกัน สุขภาพขององค์กร) รวมทั้งเปิดโรงพยาบาล สปส. 3 แห่ง (รพ. กรุงเทพปลวกแดง ปี 2023, รพ. กรุงเทพปากช่อง และรพ. พญาไท บ่อวิน ปี 2025) และตั้งเป้าเพิ่มจำนวนสมาชิกที่ลงทะเบียนเป็น 1 ล้านคน ในปี 2025 และ 3) เพิ่มหน่วยศูนย์โรคเฉพาะทางในรพ. ที่ไม่ใช่รพ.เฉพาะทาง ทั้งนี้ Bloomberg Consensus ประมาณการกำไรสุทธิปี 2023 ที่ 1.36 หมื่นล้านบาท (+8.20% YoY) และมูลค่าเหมาะสมที่ 33.92 บาท

BEM    ปิด 8.05 บาท/แนวรับ 7.85 บาท แนวต้าน 8.50 บาท

คาดการณ์ปริมาณผู้โดยสารเฉลี่ยทั้งปี 2024 ราว 4.5-4.7 แสนเที่ยวคน/วัน เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 7-8% เทียบกับคาดเฉลี่ยทั้งปี 2023 ที่ 3.8-3.9 แสนเที่ยวคน/วัน ขณะที่ปริมาณการจราจรบนทางด่วนคาดเร่งตัวกลับไปแตะระดับ 1.2 ล้านคัน/วัน แต่สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงาน 4Q23 มีแนวโน้มอ่อนตัวลง QoQ กดดันจากมีวันหยุดยาว แต่มีแนวโน้มเติบโต YoY หนุนจากการเชื่อมต่อโครงข่ายรถไฟฟ้าในชานเมือง Bloomberg Consensus ประมาณการกำไรสุทธิปี 2023 ที่ 3.48 พันล้านบาท (+42.90% YoY) และมูลค่าเหมาะสมที่ 10.42 บาท

CENTEL   ปิด 46.00 บาท/แนวรับ 44.00 บาท แนวต้าน 48.75 บาท

คาดรายได้รวมปี 2023 เติบโตตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ โดยคาดรายได้รวมธุรกิจโรงแรมที่ราว 1.08 หมื่นล้านบาท (รวม JV) หนุนจากอัตราการเข้าพักเฉลี่ยทั้งปี 2023 กว่า 70% และประมาณการรายได้เฉลี่ยต่อห้องพักเฉลี่ย (RevPar) ทั้งปี 2023 ที่ 3.4-3.7 พันบาท/ห้อง ขณะที่ธุรกิจอาหารคาดรายได้รวมราว 1.4-1.5 หมื่นล้านบาท (รวม JV) หนุนจากยอดขายต่อสาขาเดิม (SSSG) เพิ่มขึ้นเฉลี่ยทั้งปี 2023 ที่ราว 3-5% จากกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ บริษัทอยู่ระหว่างจัดทำแผนการดำเนินงานปี 2024 Bloomberg Consensus ประมาณการกำไรสุทธิปี 2023 ที่ 1.28 พันล้านบาท (+222.04% YoY) และมูลค่าเหมาะสมที่ 48.44 บาท

 

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จับตา แรงขายสินทรัพย์เสี่ยง ก่อนรายงานเงินเฟ้อสหรัฐฯ