วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ SPA ประมาณการกำไร 4Q66F: จะทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้ง
เราคาด SPA รายงานกำไรสุทธิใน 4Q66F อยู่ที่ 89 ล้านบาท (+554% YoY และ +10% QoQ) ขณะที่ คาดรายได้ยังเติบโตต่อเนื่องราว 50% YoY และ 7% QoQ อยู่ที่ 410 ล้านบาท ด้วยแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยงต่างชาติอยู่ที่ 8.1 ล้านคน (+49% YoY และ +14% QoQ)
นอกจากนั้น SPA ได้เปิดสาขาใหม่ของ Let’s Relax อีก 2 แห่งในไตรมาสนี้ (ที่สุรวงศ์และสนามบินสุวรรณภูมิ) ส่งผลให้จำนวนสาขารวมใน 4Q66F อยู่ที่ 72 สาขา ทั้งนี้ สัดส่วนของลูกค้ายังคงไม่เปลี่ยนแปลงจากไตรมาสก่อนหน้าด้วยสัดส่วนคนไทยและผู้ที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย (expatriate customer) คิดเป็น 40% ในขณะที่ลูกค้าชาวจีน ไต้หวันและฮ่องกงคิดเป็น 30% ของลูกค้าทั้งหมด
อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) และ สัดส่วน SG&A ต่อยอดขายได้รับประโยชน์จากการประหยัดต่อขนาด
เราคาดอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 32.5% (+10.4ppts YoY และ +0.5ppts QoQ) ได้ประโยชน์จากการประหยัดต่อขนาด ในทำนองเดียวกัน สัดส่วน SG&A ต่อยอดขายจะดีขึ้นอยู่ที่ 9.6% ในแง่ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย คาดลดลง 4% QoQ เหลืออยู่ที่ 10 ล้านบาท เพราะ SPA ใช้กระแสเงินสดจากการดำเนินงานชำระหนี้ไปบางส่วน
คาดกำไรใน 1Q67F น่าจะทำจุดสูงสุดใหม่ได้อีก
เราคาดกำไรของ SPA จะยังมีโมเมนตัมบวกต่อเนื่องด้วยแรงหนุนจากการฟื้นตัวต่อเนื่องของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย นอกจากนี้ รายได้ของ SPA น่าจะได้อานิสงค์เป็นพิเศษจากเทศกาลตรุษจีนปีนี้ ในขณะที่ บริษัทวางแผนการเปิดสาขาใหม่เพิ่มขึ้นอีก 4-5 สาขาใน 1H67F ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการขับเคลื่อนการเติบโตในปีนี้
Valuation & action
เราคงคำแนะนำซื้อ หุ้น SPA โดยมีราคาเป้าหมายปี 2567 ที่ 15.20 บาท (อิงจาก PER ที่ 39x หรือเท่ากับค่าเฉลี่ย PE ระยะยาว) โดย SPA มีกำไรแข็งแกร่งต่อเนื่องซึ่งดีเกินกว่าช่วงระดับก่อนโรคระบาดโควิด นอกจากนั้น มีความเป็นไปได้ที่บริษัทจะกลับมาจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นอีกครั้งจากผลการดำเนินงานปี 2566F (กรณีนี้ เรายังไม่ได้รวมไว้ในสมมติฐานของรา) ขณะที่ แผนการย้ายซื้อขายจากในตลาด MAI ไปยังตลาด SET ภายในปีนี้น่าจะเป็น sentiment เชิงบวกต่อราคาหุ้น SPA อีกด้วย
Risks
การแข่งขันในตลาด ขาดแคลนแรงงานและเศรษฐกิจชะลอตัวลง
