วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ Healthcare Sector ผลประกอบการ 4Q23F มีแนวโน้มดี แม้จะเป็นช่วงแผ่วตามฤดูกาล
ประมาณการกำไรสุทธิใน 4Q66F ของกลุ่มโรงพยาบาลที่เราศึกษาอยู่
• Bangkok Chain Hospital (BCH.BK/BCH TB)* เราคาดว่าผลการดำเนินงานจะออกมาน่าพอใจโดยมีกำไรสุทธิใน 4Q66F ที่ 423 ล้านบาท (+57% YoY, -3.9% QoQ)
• Bangkok Dusit Medical Services (BDMS.BK/BDMS TB)* เราคาดว่าผลการดำเนินงานจะออกมาดี โดยมีกำไรสุทธิใน 4Q66F ที่ 3.70 พันล้านบาท (+18.9% YoY, -4.8% QoQ)
• Bumrungrad Hospital (BH.BK/BH TB)* เราคาดว่ากำไรสุทธิใน 4Q66F จะอยู่ที่ 1.75 พันล้านบาท (+13.0% YoY, -10.6% QoQ)
• Chularat Hospital (CHG.BK/CHG TB)* เราคาดว่ากำไรสุทธิใน 4Q66F จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย YoY เป็น 288 ล้านบาท (+1.1% YoY, -11.5% QoQ)
• Ekachai Hospital (EKH.BK/EKH TB) เราคาดว่าผลการดำเนินงานจะออกมาน่าพอใจโดยมีกำไรปกติใน 4Q66F ที่ 92 ล้านบาท (ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ YoY จากขาดทุนปกติ, +2.4% QoQ) อย่างไรก็ตาม บริษัทจะบันทึกกำไรพิเศษสุทธิ 28 ล้านบาทใน 4Q66F
BCH* และ EKH ดูโดดเด่นกว่าหุ้นอื่นในกลุ่ม
เมื่ออิงตามประมาณการ 4Q66F เราคาดว่ากำไรของ BCH และ BDMS* จะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง YoY ที่ 57.0% และ 18.9% ตามลำดับ นอกจากนี้ เรายังคาดว่า EKH จะดูน่าสนใจมาก เพราะกำไรปกติจะอยู่ที่ 92 ล้านบาท (พลิกจากขาดทุนปกติ 58 ล้านบาท) ทั้งนี้ กำไรสุทธิของ EKH ใน 4Q65 สูงมากถึง 352 ล้านบาท เพราะมีกำไรพิเศษจากการซื้อขายหลักทรัพย์ Klinique Medical Clinic (KLINIQ.BK/KLINIQ TB) ซึ่งในช่วงนั้น EKH ถือหุ้นอยู่ 16 ล้านหุ้น (7.27% stake) โดยสรุปแล้ว เราคิดว่าผลการดำเนินงานของกลุ่มโรงพยาบาลจะออกมาน่าพอใจตามที่คาดเอาไว้ก่อนหน้านี้ โดยประเด็นสำคัญที่น่าสนใจ คือ กำไรจากธุรกิจหลักจะยังแข็งแกร่งใน 4Q66F (แม้จะลดลง QoQ) หลังจากที่ผ่านไตรมาสที่แข็งแกร่งที่สุดใน 3Q ไปแล้ว เราคาด่วากำไรที่เพิ่มขึ้น YoY ใน 4Q66F จะมาจากการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของจำนวนผู้ป่วย และ intensity ของการรักษาจากการเน้นรักษาโรคที่มีความซับซ้อนมากขึ้น เราคาดว่ากำไรสุทธิรวมใน 4Q66F ของกลุ่มโรงพยาบาลที่เราศึกษาอยู่จะอยู่ที่ 6.28 พันล้านบาท (+12.8% YoY, -6.3% QoQ) ในขณะที่คาดว่ากำไรจากธุรกิจหลักรวมจะอยู่ที่ 6.25 พันล้านบาท (+21.3% YoY, -6.7% QoQ)
คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องในปี 2567F
สำหรับแนวโน้มในปี 2567F เรายังคงมองบวกกับกลุ่มโรงพยาบาล เนื่องจากคาดว่าผลประกอบการจะเติบโตต่อเนื่อง YoY โดยมีปัจจัยหนุนจาก i) โรงพยาบาลทุกแห่งให้บริการรักษาพยาบาลแบบเฉพาะเจาะจงมากขึ้น ii) ประเทศไทยเข้าสู่ภาวะสังคมสูงวัย และ iii) มีความสามารถในการแข่งขันในแง่ของคุณภาพบริการ และราคาสำหรับผู้ป่วยต่างชาติ (เมื่อเทียบกับคู่แข่งในภูมิภาคและประเทศที่พัฒนาแล้ว) นอกจากนี้ เราคาดว่า margin น่าจะเพิ่มขึ้นจากการที่สามารถใช้สินทรัพย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในอีกสองสามปีข้างหน้า
Valuation & Action
เรายังคงให้น้ำหนักหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลที่ Overweight และยังคงเลือก BCH* และ BDMS* เป็นหุ้นเด่นในกลุ่ม โดยประเมินราคาเป้าหมาย DCF ปี 2567 ที่ 26.00 บาท และ 37.50 บาทตามลำดับ
Risks
COVID-19 ระบาด, เกิดเหตุก่อการร้ายครั้งใหญ่, เศรษฐกิจฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด